อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 8/2 วันที่ 13 พ.ย. 55

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 8/2 วันที่ 13 พ.ย. 55

ชนะศึกตกตะลึง ถามทันที “จริงเหรอครับพ่อ”
อังคณาใส่ไฟต่อ “มันจริงอยู่แล้ว พ่อแกน่ะคงจะอายถ้าเราจับได้ว่าเขาแอบเอาเงินให้เมียเก่า ก็เลยแกล้งยกมรดกให้ลูกมันแทน ตอบมาซีว่ามันจริงใช่ไหม คุณธานินทร์”
ธานินทร์เสียงดัง “พอแล้ว ผมไม่จำเป็นต้องอธิบาย สิ่งที่ผมยกให้เขามันเป็นสิทธิ์ของผม ผมอยากจะทำอะไรผมก็จะทำ ไม่มีใครมาห้ามผมได้ ได้ยินไหม”
พูดจบธานินทร์ก็เดินเข้ามาดึงพินัยกรรมจากมือชนะศึกไป แล้วเดินออกจากห้องไป

อังคณากับชนกนันท์เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น อังคณาท่าทางคิดหนัก ชนกนันท์นั้นเข้ามาก็โวยวายลั่น
“แล้วแม่จะอยู่เฉย ๆ แบบนี้เหรอคะ จะยอมให้พ่อทำพินัยกรรมไปแบบนี้เหรอ”



อังคณาพูดปัดๆ ไป เสียงขุ่น เพราะกำลังใช้ความคิด “ไม่ได้ยินที่เขาพูดหรือไง มันเป็นสิทธิ์ของเขา”
“แต่มันจะไปกันใหญ่นะคะแม่ ถ้าไอ้บ้านั่นมันได้สมบัติของพ่อไป มันคงจะเหลิงลำพอง”
อังคณาตวาดอย่างฉุนเฉียว “เลิกโวยวายซักทีได้ไหม มันได้อะไรขึ้นมา” ชนกนันท์เงียบกริบ “เรื่องนี้ แม่ว่าต้องมีอะไรมากกว่าที่เราเห็น”
“หมายความว่ายังไงคะ”
อังคณาคาใจมาก “มันต้องมีอะไรบางอย่างที่เขาปิดบังเราไว้ ต้องมีความลับอย่างอื่นที่เราไม่รู้”

ตอนกลางวันนั้นเอง รถของสมภพจอดอยู่ที่ลานจอดรถในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง สมภพนั่งรอเพชรแท้อยู่ในรถ
ครู่หนึ่งเพชรแท้เดินมาถึง ก็เข้าไปนั่งเบาะข้างคนขับ
สมภพเอาซองกระดาษส่งให้ เพชรแท้แกะซองกระดาษนั้นออก ปรากฏว่ามีปืนลูกโม่กระบอกหนึ่งอยู่ในซองนั้น
“แกแน่ใจนะว่าอยากได้”
“อืม ฉันว่าตอนนี้ฉันจำเป็นต้องมีไว้แล้ว”
สมภพเตือนอย่างเป็นห่วง “คิดดูให้ดีนะเว๊ย แกเพิ่งรอดจากคุกมา ถ้าคราวนี้แกถูกจับได้พร้อมปืนนี่ ติดยาวแน่”
“ฉันไม่อยากจะพกหรอก แต่ไอ้บ้านนั้นน่ะ ฉันว่ามันต้องมากวนแม่กับพวกฉันอีกแน่ๆ คราวนี้ถ้ามันเห็นฉันมีปืน มันจะได้รู้ว่าฉันเอาจริง เลิกตอแยกับพวกฉันซักที”
“ก็ระวังด้วยก็แล้วกัน อย่าให้มันเดือนร้อนมาถึงฉัน”
“ไม่อยู่แล้ว ขอบใจนะ”

เพชรแท้เก็บปืนไว้ตามเดิม แล้วเอาปืนเก็บใส่กระเป๋าเป้ของตัวเอง เปิดประตูลงจากรถไป

ชนกนันท์ขับรถอยู่โดยมีอังคณานั่งอยู่ข้างๆ ทั้งคู่กำลังเดินทางไปสำนักงานทนายของจรัล เพื่อถามความจริงเรื่องพินัยกรรม
“แม่ต้องรู้ความจริงให้ได้ว่าทำไมพ่อแกถึงยกสมบัติให้ไอ้พวกบ้านนั้น”
“แล้วทนายจะยอมบอกความจริงเหรอคะ นกว่าคุณพ่อคงสั่งให้ปิดปากเงียบ”
“สั่งปิดปาก เราก็หาวิธีที่ทำให้ทนายนั่นเปิดปากมาซี”

ชนกนันท์เหลียวไปมองหน้าแม่ ยิ้มเหมือนรู้ทันความคิดของอังคณา

ในขณะที่เพชรแท้เดินมาตามทางเดินริมฟุตบาท เป็นเวลาเดียวกับที่รถชนกนันท์กำลังจอดติดไฟแดงอยู่ ชนกนันท์หันไปเห็นเพชรเดินอยู่ใกล้ ๆ
“ไอ้เพชรแท้” ชนกนันท์ยิ้มร้ายกาจออกมา
อังคณามองเห็นเพชรแท้เช่นกัน
“ตามมันไปเลยยัยนก แม่มีอะไรสนุก ๆ ให้แกเล่นแล้วล่ะ”
เป็นจังหวะที่ไฟเขียวพอดี ชนกนันท์ขับรถเลี้ยวตามหลังเพชรแท้มาอย่างช้าๆ
เพชรแท้รู้สึกเหมือนมีรถขับตามมา ยิ่งระวังตัว เดินต่อไปว่องไว และเดินหลบเข้าไปในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง

ชนกนันท์ขับรถตามเพชรแท้เข้าไป
เพชรแท้ยังคงเดินมาอย่างระแวดระวัง และรู้สึกว่ามีรถขับตามมาอยู่ เพชรแท้ฉากหลบที่หลังเสาต้นหนึ่ง ชนกนันท์ซึ่งขับรถตามมาติดๆ งงมากเมื่อเห็นว่าเพชรแท้หายไปกับตา

“มันหายไปไหนแล้วคุณแม่” ชนกนันท์มองหารอบๆ
“นั่นน่ะสิ เร็วจริงๆ”
ชนกนันท์จอดรถ อังคณาเปิดประตูรถลงมาก่อนที่ชนกนันท์จะลงตามมา
เพชรแท้แอบอยู่หลังเสาต้นที่ลับตาคน มองเห็นเป็นอังคณากับชนกนันท์ที่ตามมา และกำลังมองหาตนอยู่ หน้าตาเพชรแท้เวลานี้เอาเรื่องมากๆ
อังคณา กับชนกนันท์ยังมองหาเพชรแท้ และเดินไปรอบๆ จนมาใกล้กับเสาต้นที่เพชรแท้แอบอยู่
“มันไปไหนไม่ไกลหรอก ต้องอยู่แถวๆ นี้แหละ” อังคณามองหา
ทันใดนั้น เพชรแท้ก็ก้าวออกจากหลังเสา มายืนตรงหน้าอังคณากับชนกนันท์ สองแม่ลูกตกใจมาก
“พวกแกตามฉันมาทำไม อยากจะมีเรื่องใช่ไหม”
ชนกนันท์อวดดีวางอำนาจใส่ตามเคย “ก็เอาซี แกจะทำอะไรฉันได้ อยากเข้าไปนอนในคุกอีกหรือไง”
เพชรแท้โกรธจัด “ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีเรื่องที่แล้ว วันนี้...คิดทั้งต้นทั้งดอกเลยแล้วกัน” ปราดเข้าไปจะทำร้ายชนกนันท์
อังคณาเข้ามาขวางไว้ จ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง
“อย่าคิดนะว่ามีคนให้ท้าย แล้วจะทำอะไรพวกฉันได้”
ชนกนันท์ทำหน้าเยาะเย้ยเพชรแท้
“คุณพ่อไม่มีทางช่วยแกได้ตลอดหรอก”
“ไม่มีใครช่วยฉันทั้งนั้น ฉันไม่ผิด” เพชรแท้มองจ้องหน้าอังคณา “คนที่ทำผิดสักวันมันต้องได้รับโทษ” อังคณายิ้มร้าย “แต่คราวนี้ฉันไม่ปล่อยให้แกลอยนวลออกมาอีกหรอก”
“ก็ลองดูซี...ถ้าแกทำอะไรครอบครัวฉันอีก ฉันไม่ปล่อยพวกแกไว้แน่”
เพชรแท้หยิบปืนขึ้นมาจากกระเป๋าเป้ เล็งขู่ไปที่อังคณา
สองนางมารร้าย อังคณากับชนกนันท์เห็นปืนก็ตกใจ ชะงักงัน พูดอะไรไม่ออก
“จำไว้...” ถือปืนเข้าไปใกล้หน้าอังคณา เน้นทุกคำพูด “อย่ามายุ่งกับครอบครัวฉันอีก แล้วอย่าหาว่าฉันไม่เตือน
เพชรลดปืนลงเก็บใส่กระเป๋าเป้ตามเดิม มองสองแม่ลูกอย่างเอาจริง และเดินจากไป”
อังคณาเจ็บใจ แค้นใจ ที่โดนเพชรแท้ใช้ปืนขู่ จึงทำอะไรไม่ได้

เวลาเดียวกันขณะที่พิณทองเดินมาตามทาง กำลังจะกลับเข้าบ้านหลังจากออกไปจ่ายตลาดมา ในมือมีถุงใส่ผักใส่หมูมาด้วย
ชนะศึกเดินมาขวางไว้ พิณทองตกใจชะงักกึก
“พิณทอง”
“คุณมาทำอะไรที่นี่”
“ผมมีอะไรจะถามคุณหน่อย”
“พิณไม่มีอะไรจะพูดกับคุณ”
พิณทองเดินเลี่ยงจะกลับบ้าน ชนะศึกคว้าแขนไว้
“คุยก่อนได้ไหม”
“นี่ปล่อยนะ ไม่ปล่อยพิณร้องจริงๆ ด้วย”
ชนะศึกยังไม่ปล่อย “ร้องแล้วคิดว่าใครจะได้ยิน”
พอพิณทองมองไปรอบๆ แถวนั้น เห็นว่าไม่มีใครอยู่จริง ๆ จึงชักกลัว
“อย่าทำอะไรพิณอีกนะ”
“ไม่ทำหรอก ผมแค่อยากถามอะไรหน่อย”
“คุณจะถามอะไร”
“เรื่องพินัยกรรมของพ่อผม”
“พินัยกรรมอะไร” พิณทองง
“พินัยกรรมที่พ่อยกสมบัติให้พี่ชายคุณน่ะซี”
พิณทองอึ้ง “นี่คุณพูดเรื่องอะไร”
“ไม่ต้องมาทำหน้าซื่อ ตอบความจริงผมมา พวกคุณรู้เรื่องนี้ใช่ไหม” ชนะศึกคาดคั้น
“ฉันไม่รู้เรื่อง”
“ไม่จริง เงินพ่อผมเป็นพันๆ ล้าน อยู่ดีๆ เขาจะให้พี่ชายคุณทำไม”
“พวกเราไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น”
“โกหก บอกความจริงมาดีกว่า อย่าให้ผมต้องใช้กำลังกับคุณ”
“ต่อให้คุณตีฉันให้ตาย ฉันก็จะพูดเหมือนเดิม ฉันไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น”
“ปากแข็ง”
ชนะศึกจับแขนแน่นขึ้น พิณทองดิ้นรนจะหนี จึงผลักชนะศึกออก แต่ชนะศึกกลับดึงตัวพิณทองมากอดไว้ พิณทองดิ้นรนเป็นการใหญ่
“ปล่อยนะ” พิณทองทุบแขนชนะศึก “ปล่อยฉัน”
จังหวะนั้นเสียงเพชรดังแทรกเข้ามา
“ปล่อยน้องฉันเดี๋ยวนี้”
ชนะศึกหันตัวมองไปทางด้านหลัง เห็นเพชรแท้ถือปืนจ้องมาที่เขา
“ได้ยินไหม”
ชนะศึกยอมปล่อย พิณทองวิ่งมาหลบหลังเพชรแท้
“พี่เพชร”
เพชรแท้โมโห “พวกแกนี่มันยังไง พ่อแกก็มายุ่งกับแม่ฉัน แกก็มายุ่งกับน้องฉันอีก จะต้องให้ฉันทำยังไง ต้องให้ฉันยิงกบาลหมดทั้งบ้านหรือยังไง”
“พี่เพชร อย่านะ”
ชนะศึกพยายามพูดดีๆ ด้วย “ผมมีเรื่องจะถามคุณ”
“ฉันไม่มีอะไรจะตอบ กลับไปซะ”

ชนะศึกมองเพชรแท้นิ่ง รู้สึกไม่พอใจ แล้วมองมาที่พิณทอง พิณทองมองตอบ สีหน้าไม่พอใจที่ชนะศึกมาหาเรื่อง ในที่สุดชนะศึกก็เดินจากไป
เย็นนั้น พรรณีตกใจมากเมื่อได้ยินเรื่องพินัยกรรม

“อะไรนะพิณ คุณชนะศึกเขาบอกว่าคุณธานินทร์ทำพินัยกรรมยกสมบัติให้เพชรงั้นเหรอ”
ทั้งพิณทองทั้งเพชรแท้อยู่ในบ้านด้วย
“จ้ะ แม่รู้เรื่องนี้บ้างไหม” พิณทองถาม
“ไม่ แม่ไม่รู้เรื่อง” พรรณีคิดไปคิดมาด้วยความสับสนใจ
เพชรแท้ฉุน “มันปั้นเรื่องขึ้นมา เพื่อจะมาหาเรื่องพวกเราต่างหาก อยู่ดีๆ พ่อมันจะมายกสมบัติให้พี่ทำไม ไอ้พวกนี้เมื่อไหร่มันจะหยุดซักที เจอกันครั้งหน้าพี่ไม่เอาไว้แน่”
จากนั้นเพชรแท้ก็เดินออกไป
“แม่ว่ามันจริงหรือเปล่า แต่พิณว่าเขาดูจริงจังมากเลย เหมือนท่านทำจริงๆ แต่ท่านจะทำทำไมล่ะแม่ พี่เพชรไม่ได้เป็นอะไรกับท่านซักหน่อย”
พรรณีนิ่งคิดไปด้วยความหนักใจ

คืนนั้นพรรณียืนอยู่ในตู้โทรศัพท์สาธารณะใกล้บ้านเช่า หยิบกระเป๋าเงินออกมา แล้วหยิบกระดาษชิ้นหนึ่งออกมา ในกระดาษแผ่นนั้นมีเบอร์โทรศัพท์สายในบ้านเลิศชัยวัฒน์ที่เคยได้มาจากพิณทองนั่นเอง พรรณีหยอดเหรียญ แล้วกดเบอร์โทร.ออก
เวลาเดียวกันที่ห้องทำงานของธานินทร์ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ครู่หนึ่งธานินทร์จึงเดินเข้ามารับโทรศัพท์
“สวัสดีครับ”
“คุณธานินทร์หรือเปล่า”
“พรรณี” ธานินทร์ดีใจมาก “ใช่ นี่ผมเอง”
“พิณบอกฉันว่า คุณทำพินัยกรรมยกสมบัติให้เพชร มันจริงหรือเปล่า”
ธานินทร์หยุดไปนิดหนึ่ง “คุณรู้ได้ยังไง”
“ตอบฉันมา มันจริงหรือเปล่า”
“จริง”
“คุณทำทำไม คุณไม่ควรทำอย่างนี้ อยากให้พวกเราต้องเดือดร้อนกันอีกหรือไง”
“พรรณี ผมมีเหตุผลของผม ขอให้ผมอธิบายได้ไหม”
“ว่ามาซี”
“พรุ่งนี้เก้าโมงเช้า คุณไปพบผมที่” ธานินทร์บอกชื่อสถานที่ “ได้ไหม แล้วผมจะบอกให้คุณฟังทุกอย่างที่คุณอยากรู้”
“ก็ได้ ฉันจะไป”
พรรณีรับปาก แล้ววางหู หยิบกระดาษเบอร์โทร.จะออกจากตู้โทรศัพท์ แต่ต้องสะดุ้ง เมื่อเห็นเพชรแท้ยืนอยู่หน้าตู้โทรศัพท์
“โทร.หาใครเหรอแม่”
พรรณีเก็บกระดาษเบอร์โทรศัพท์ใส่กระเป๋าสตางค์ เพชรแท้มองอยู่ พรรณีคิดหาคำตอบ
“เรื่องงานที่ร้านน่ะ แล้วเพชรล่ะไปไหนมา”
เพชรแท้ยกถุงข้าวสารขนาดห้ากิโลกรัมให้ดู แต่ติดใจคำพูดแม่ “ข้าวสารหมด พิณมันให้ออกมาซื้อ เอ๊ะแม่ ค่ำขนาดนี้ที่ร้านยังมีคนอยู่อีกเหรอ”
พรรณีชะงัก แล้วเดินไป “มีซี บางคนเขาทำงานไม่เสร็จก็ต้องอยู่ทำให้เสร็จ”
“แล้วงานอะไรถึงขนาดต้องรีบออกมาโทร.หากันเหรอแม่”
“งานด่วนน่ะ ลูกค้าเขาจะตัดชุด นัดให้ไปวัดตัวพรุ่งนี้”
พูดเท่านั้นพรรณีก็เดินออกไปหน่อย ทำให้เพชรแท้ยิ่งสงสัย

รุ่งเช้าอังคณาเดินเข้ามาที่สำนักงานทนายความของจรัล โดยมีเรืองโรจน์มาด้วย
จรัลนั่งทำงานอยู่ อังคณาเปิดประตูเข้ามา จรัลเงยหน้ามอง เห็นอังคณา ยืนขึ้นต้อนรับ
“เชิญนั่งครับ...คุณอังคณา”
อังคณาเข้ามานั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับจรัล เรืองโรจน์ยืนอยู่ด้านหลังอังคณา
“คุณอังคณามีธุระด่วนอะไรหรือครับ ถึงมาหาผมที่นี่ ที่จริงเรียกให้ผมไปพบที่บ้านก็ได้นะครับ”
“ฉันไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่โต” อังคณานิ่งไปนิด “เข้าเรื่องเลยดีกว่า คุณธานินทร์ทำพินัยกรรมยกสมบัติให้คนอื่นได้ยังไง ในเมื่อทรัพย์สินครึ่งหนึ่งก็เป็นของฉัน”
“ผมก็ค้านท่านแล้ว แต่ท่านก็ยังยืนยันที่จะทำให้ได้”
“เรื่องนี้มันต้องมีอะไรมากกว่านี้ คุณบอกความจริงมาดีกว่า”
จรัลยืนกราน “ผมไม่ทราบจริง ๆ ครับ ผมทำตามความต้องการของท่าน”
อังคณาชักเริ่มโมโห “แต่ปิดบังไม่ให้ฉันรับรู้ คุณอย่าลืมซี...ฉันเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ตราบใดที่ฉันยังไม่เซ็นใบหย่า ทรัพย์สมบัติก็ยังเป็นของฉันด้วย”
“ผมเข้าใจครับ ถึงอย่างไรผมก็ต้องทำตามหน้าที่”
“ได้! อยากทำอะไรก็ทำไปเลย แต่เรื่องนี้ยังไม่จบง่ายๆ ฉันไม่ยอม และฉันจะฟ้อง” อังคณาเน้นคำ “คุณคอยดูก็แล้วกันว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ”
จรัลเอาแต่นั่งนิ่งเงียบกริบ
อังคณาโกรธจัด ลุกเดินออกจากห้องไป เรืองโรจน์มองหน้าจรัลอย่างท้าทาย ก่อนจะเดินตามอังคณาออกไป

อังคณาเดินโมโหออกมาที่หน้าสำนักงาน เรืองโรจน์เดินตามมา
“ฉันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”
เรืองโรจน์ยุส่ง “คุณอังคณาอย่ายอมนะครับ”
“ฉันไม่มีวันให้ไอ้พวกนั้นได้เสวยสุขอยู่บนกองเงินกองทองของฉันหรอก”
“แต่ที่สำคัญ คุณอังคณาอย่าเพิ่งเซ็นใบหย่า เพราะจะทำให้คุณธานินทร์จัดการเรื่องทุกอย่างได้ง่ายขึ้น”
อังคณานิ่งคิด เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น อังคณากดรับ
“มีอะไร”
ชนกนันท์โทร.มา โดยยืนอยู่หน้าบ้าน มองรถของธานินทร์ที่ศักดาขับแล่นออกจากบ้านไป
“คุณแม่คะ คุณพ่อออกไปไหนอีกแล้วก็ไม่รู้ค่ะ”

อังคณายิ่งโมโหมากขึ้น
ในขณะที่เพชรแท้กำลังเช็ดรถมอเตอร์ไซค์อยู่ พรรณีออกมาจากห้องนอน แต่งตัวเตรียมจะออกไปข้างนอก พรรณีชะงักนิดหนึ่งเมื่อเห็นเพชรแท้

“ไปแล้วเหรอแม่”
“อืม” พรรณีระมัดระวังคำพูด “เฝ้าบ้านดีๆ ล่ะ
พรรณีเดินจะออกจากบ้าน
“เดี๋ยวแม่”
พรรณีหยุด หันมาหา “อะไร”

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 8/2 วันที่ 13 พ.ย. 55

เค้าโครงเรื่อง : ทีมเอ็กแซ็กท์
บทโทรทัศน์ : กษิดินทร์ แสงวงษ์ , ศิริลักษณ์ ศรีสุคนธ์
กำกับการแสดง : นิพนธ์ ผิวเณร
อำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร, ถกลเกียรติ วีรวรรณ
แนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ออกอากาศ : จันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 5
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่มตอนแรกอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ที่มา manager.co.th