อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 6/3 วันที่ 8 พ.ย. 55

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 6/3 วันที่ 8 พ.ย. 55

พิณทองวิ่งไป เพชรแท้ประคองแม่ พยายามนวดแขนให้เลือดลมเดิน พิณทองเอายาดมให้พรรณีดม ครู่หนึ่งพรรณีจึงลืมตาขึ้นมา
“แม่จ๋า แม่เป็นไงมั่ง” พิณทองถามอย่างห่วงใย
“คงจะอดนอนมากไปน่ะลูก เลยเวียนหัว” ลุกขึ้นนั่ง พอได้สติก็ตกใจ “นี่กี่โมงแล้ว”
“แปดโมงกว่าแล้วแม่” เพชรแท้บอก
พรรณีตกอกตกใจ “ตายจริง ต้องรีบไปแล้ว เดี๋ยวไม่ทัน เจ๊เขาบอกให้แม่เอางานไปส่งก่อนเก้าโมงเช้า” ว่าพลางพรรณีพยายามจะลุก “แม่ต้องรีบไป”
พรรณียันกายลุกขึ้น แต่เพราะไม่สบาย จึงมีอาการซวนเซ พิณทองรีบเข้ามาประคอง
“แม่ไม่สบายจะไปได้ยังไง”

“ไม่ได้ลูก ต้องไป แม่รับปากเขาไว้แล้วว่าจะทำให้เสร็จทันเวลา แม่จะผิดนัดไม่ได้ ไม่งั้นต่อไปเขาคงไม่จ้างเราอีก” พรรณีจะเดินไป แต่แล้วเซอีก



“เดี๋ยวพิณเอาไปส่งให้เองดีกว่าจ้ะ แม่นอนพักเถอะ” พิณทองว่า
เพชรแท้หันไปมองถุงชุดกระโปรงใบโต ตัดสินใจ
“ถุงใหญ่ขนาดนี้ พิณจะถือยังไงไหว พี่เอาไปส่งเองดีกว่า”
“แต่ว่า...พี่เพชรจะไปได้เหรอ เกิดตำรวจ...”
เพชรแท้ตัดสินใจเด็ดขาด “ไม่เป็นไรหรอก แถวนี้ไม่มีใครรู้จักพี่ โรงงานก็อยู่ไม่ไกล ของนี่สำคัญกับแม่มาก พี่ไม่อยากให้พิณถือ เดี๋ยวเกิดตกหล่นเสียหายไปจะเป็นเรื่อง”
พรรณีซึ้งใจ “โธ่...เพชร”
“ไม่ต้องห่วงจ้ะแม่ เพชรเอาไปส่งให้ทันเวลา แม่นอนพักนะ ขากลับได้ตังค์มาแล้ว เพชรจะแวะซื้อยามาให้แม่ด้วย”

เพชรแท้คว้าถุงเสื้อออกไปอย่างมุ่งมั่น
เพชรแท้ดุ่มเดินออกมาตามทางเดินอย่างหมายมาด พร้อมกับหิ้วถุงใส่ชุดเด็กหนึ่งพันตัวออกมาด้วย เพชรแท้ดึงหมวกแก๊ปหรุบลงเพื่อพรางตัว แล้วเดินมาเรื่อยๆผ่านบริเวณวัด เห็นผู้คนสัญจรผ่านไปมา แต่ไม่มีใครสนใจ เพชรแท้รู้สึกสบายใจมากขึ้น

เพชรแท้เดินต่อมาจนถึงบริเวณชุนชนหน้าวัด ผ่านร้านค้าหลายร้าน แต่ก็ยังไม่มีใครสนใจเขา เพชรแท้จึงเดินไปเรื่อยๆ อย่างสบายใจมากขึ้น แต่แล้วเพชรแท้ก็ต้องชะงัก
เพราะห่างออกไปประมาณยี่สิบเมตร มีมอเตอร์ไซค์สายตรวจจอดอยู่ และมีตำรวจสายตรวจคนหนึ่งกำลังยืนคุยกับพ่อค้าก๋วยเตี๋ยวรถเข็น
เพชรแท้ชะงักใจเต้นระรัว หันหลังเดินกลับ ตำรวจขับมอเตอร์ไซค์ตามมา เพชรแท้รีบเดินหนี หลบเข้าไปแอบที่มุมห้องแถว ตำรวจหยุดมอเตอร์ไซค์ตรงทางเข้า เพชรแท้แกล้งทำเป็นจัดของ
“อะไรน่ะน้อง” ตำรวจตะโกนถาม
“เสื้อผ้าเด็กน่ะครับ ผมกำลังจะเอาไปส่ง”
เพชรแท้ถือถุงผ้าเดินต่อไป ตำรวจมองตาม

เพชรแท้เดินอย่างระแวดระวังเข้ามาในซอย ที่ทางเดินผ่านดงน้ำครำนี้เป็นสะพานไม้แผ่นเดียวสภาพผุ และเก่า สำหรับ เพชรแท้เหลียวหลังไปมอง เห็นว่าตำรวจยังไม่ไปไหน
เพชรแท้ตัดสินใจ พยายามประคับประคองถุงผ้า ขณะที่เดินไปบนไม้กระดานเก่าที่ไหวยวบยาบ เท้าของเขาไปเหยียบตรงรอยต่อของแผ่นไม้ที่หลุดจากกัน ทำให้พลาดเสียหลัก เซไป เพชรแท้ตกใจพยายามทรงตัวไว้ แต่ไม่สำเร็จถุงผ้าหลุดมือตกลงในในน้ำครำ ถุงผ้าลอยตุ๊บป่องอยู่
เพชรแท้ตกใจหน้าเสีย หันไปมองตำรวจยังอยู่ที่เดิม แต่สักครู่หญิงคนหนึ่งเหมือนจะเป็นภรรยาของตำรวจคนนั้นเดินออกมาจากด้านใน นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ ตำรวจขับออกไป
เพชรแท้เพิ่งรู้ว่าตัวเองเข้าใจผิด ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บใจ
เพชรแท้หันมองไปที่ถุงผ้า เห็นถุงผ้าใบใหญ่กำลังค่อย ๆ จมลงในน้ำครำ เพชรอึ้งทรุดตัวลง
เสียงพรรณีผู้เป็นแม่ดังเข้ามาในความคิด ตอนที่เพชรแท้คุยกับพรรณีเรื่องงานเย็บโบว์ติดชุด และค่าแรงอันน้อยนิด
เพชรแท้นั่งเศร้า มองถุงผ้าในน้ำครำอย่างเจ็บใจ

ตอนกลางวัน ของวันนั้น เพชรแท้กำลังเอาผ้าที่เปื้อนน้ำครำเป็นสีดำๆ ปาลงในกะละมังที่มีฟองอยู่เต็ม หนุ่มเลือดร้อนขยี้ผ้าแรงๆ อารมณ์ยังครุกรุ่น

“โธ่เอ๊ย”
เพชรแท้โกรธ และโมโห จนพยายามจะทำร้ายตัวเอง
พรรณีกับพิณทองเดินตามออกมา พรรณีพยายามเข้ามาปลอบ
“ไม่เป็นไรหรอกนะลูก เพชรไม่ได้ตั้งใจซักหน่อย มันบังเอิญพลาดไป”
เพชรแท้ส่ายหน้า ขบกรามแน่น ระบายความขมขื่นออกมา
“มันไม่ได้บังเอิญหรอกแม่ เพชรตั้งใจดูแลถุงผ้าของแม่อย่างดีที่สุดแล้ว แต่ที่ถุงผ้ามันตกน้ำ ก็เพราะเพชรกลัวจะโดนจับ แล้วที่มันเป็นแบบนี้ ก็เพราะมันมีคนมายัดข้อหาใส่ให้เพชร”
เพชรแท้กระแทกกะละมังคว่ำไปด้วยความอัดอั้น
พรรณีใจเสีย “โธ่ลูกแม่”
เพชรแท้ระบดระบายออกมา “ทำไมมันต้องเป็นอย่างนี้ด้วย แม่ เพชรเป็นลูกผู้ชาย แต่เพชรทำงานหาเลี้ยงแม่ไม่ได้ เพชรออกไปไหน ทำอะไรก็ไม่ได้ กะอีแค่เอาเสื้อไปส่งให้เขา เพชรยังทำไม่ได้” หนุ่มเลือดร้อนร้องไห้ออกมา “แล้วเพชรจะทนอยู่ต่อไปยังไง เพชรจะต้องหลบๆ ซ่อนๆ ไปอีกนานขนาดไหน”
พรรณีเข้ามากอดปลอบ
“ใจเย็นๆ ลูก สักวันเราอาจจะมีทางรอด”
“วันไหนล่ะแม่ เพชรอาจจะโดนตำรวจยิงตายพรุ่งนี้ก็ได้ แม่คอยดูนะ” ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น “ถ้าเพชรจะต้องตายหรือเข้าคุกเพราะไอ้พวกบ้านนั้น เพชรยอมตายเพราะไปฆ่ามันยังจะดีซะกว่า”
พรรณีตกใจ “อย่านะลูก อย่าคิดอย่างนั้น เพชรเป็นดวงใจของแม่ ถ้าเพชรเป็นอะไรไปแม่จะอยู่อย่างไง ไม่คิดอย่างนั้นนะลูก”
เพชรแท้กับพรรณีกอดกันร้องไห้อย่างน่าเวทนา

พิณทองเข้ามากอดด้วยความสลดใจ สงสารแม่ และพี่ชายเหลือเกิน

ช่วงเวลาตอนกลางวัน ภายในห้องทำงานของธานินทร์ ชนะศึกกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ ท่าทางฉุนเฉียว ธานินทร์ยืนฟังอยู่
“อะไรนะ คุณไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพิณทองเลยเหรอ คุณเป็นฝ่ายบุคคลภาษาอะไร”
ระหว่างนั้นเรืองโรจน์ถือแฟ้มเดินผ่านมา ได้ยิน จึงหยุดแอบฟัง
“ไม่มีชื่อญาติหรือคนติดต่อที่ไหนทั้งนั้น อะไรกันบริษัทใหญ่โต ทำธุรกิจเป็นพันๆ ล้าน กะอีแค่พนักงานหายไปคนนึงก็หาไม่เจอ ไม่ได้เรื่องเลย”
ชนะศึกวางสายอย่างหงุดหงิด ธานินทร์ถาม
“ไม่มีเบาะแสเลยใช่ไหม”
“ไม่มีเลยครับพ่อ ทุกคนที่รู้จักพิณทองผมก็เรียกมาถามหมดแล้ว” ชนะศึกหยุดคิอีกดนิดหนึ่ง “พิณทองไม่ได้ติดต่อใครเลยครับ ไม่มีใครทราบที่อยู่ใหม่ของเขาเลย”
ธานินทร์มีท่าทีร้อนใจมาก “พ่อรู้ว่าเขาต้องกำลังเดือดร้อนมาก ลูกจะทำยังไงก็ได้ เราต้องหาเขาให้เจอ”
“ผมคิดว่าจะจ้างนักสืบเอกชนตามหาเขา”
ธานินทร์เห็นด้วย “เอาไงก็เอา พ่อยอมทุ่มไม่อั้น แต่ระวังหน่อยแล้วกัน เวลาลูกจะทำอะไร ต้องอย่าให้แม่ของลูกรู้เป็นอันขาด ไม่งั้นพวกเขาจะไม่ปลอดภัย”
“เราคุยกันสองคน คุณแม่จะรู้ได้ยังไงล่ะครับ” ชนะศึกนึกสงสัย
ธานินทร์ยิ้มเยาะตัวเอง ลดเสียงเบาลง “เชื่อไหมล่ะ ช่วงหลังๆ มานี่ ไม่ว่าพ่อจะทำอะไร แม่ของลูกเขาก็รู้ทุกอย่าง”
ชนะศึกแปลกใจ “คุณพ่อหมายความว่ายังไง”
เสียงเคาะประตูดังขัดขึ้น
“เชิญ”
เรืองโรจน์เปิดประตูเข้ามา
“ผมมีเอกสารด่วนถึงท่านครับ”
ธานินทร์มองเรืองโรจน์ยิ้มอย่างรู้เท่าทัน
“วันหลัง เธอไม่ต้องเอาอะไรมาให้ฉัน ทุกอย่างให้ยุ้ยเขาจัดการแทน”
เรืองโรจน์งง “แต่ผมเป็นเลขาฯ ส่วนตัวของท่านนะครับ”
“ฉันว่าเธอทำงานอย่างอื่นจะดีกว่า ตำแหน่งเลขาฯ น่ะ มันเหมาะกับคนที่ไว้วางใจได้เท่านั้น”
ธานินทร์พูดจบก็เปิดประตูเป็นเชิงไล่ เรืองโรจน์ตะลึงทำอะไรไม่ถูก รีบพาตัวเองออกไป
ชนะศึกมองหน้าธานินทร์ เข้าใจทุกอย่างทันที

เวลาต่อมา พิณทองยืนอยู่ในตู้โทรศัพท์สาธารณะ มีเหรียญจำนวนหนึ่งในมือ เด็กสาวจะโทร.หาชนะศึก

เวลาเดียวกันนั้น ในห้องทำงานมือถือชนะศึกดังขึ้น แต่ไม่มีใครอยู่ในนั้น
พิณทองรอสายอยู่นาน จึงวางสาย พอคิดจะกดใหม่ซ้ำ แต่โดนตู้โทรศัพท์กินเหรียญไป พิณทองเซ็ง
พิณทองเอาเหรียญที่เหลือหยอดแล้วกดใหม่ ระหว่างนั้นด้านนอกตู้มีคนรอคิวอยู่ พิณทองยิ้มเกรงใจให้นิดหนึ่ง

โทรศัพท์มือถือชนะศึกดังอีก สุดาเดินเข้ามาได้ยินเสียง หยิบมาดู เห็นเบอร์โชว์แต่ไม่รู้ว่าใคร สุดาคิดตริตรอง แล้วหยิบมือถือเดินออกไป
สักครู่หนึ่ง สุดาเดินมาที่หน้าห้องประชุมบริษัท เคาะประตูเบาๆ ก่อนจะโผล่หน้าเข้าไป ซึ่งภายในห้องชนะศึกกำลังประชุมอยู่กับพนักงาน 2-3 คน

สุดาชูมือถือให้ชนะศึกดู ซึ่งเสียงยังดังอยู่
“ขอโทษนะคะคุณชนะศึก ใครโทร.มาไม่ทราบค่ะ เบอร์ไม่คุ้นเลย คุณชนะจะรับไหมคะ”
ชนะศึกหงุดหงิด ก้มหัวให้เป็นเชิงขอโทษที่ประชุม แล้วลุกออกมา รับโทรศัพท์มาดู ชนะศึกมองอย่างฉงน
“เบอร์ใคร”
พิณทองเหลือเหรียญอยู่สองบาท รีบหยอด คนที่รอโทร.อยู่เริ่มกดดัน พิณทองภาวนาในใจ
“รับหน่อยเถอะค่ะ รับหน่อย”
ชนะศึกรับ น้ำเสียงไม่พอใจ “ฮัลโหล ใครพูด”
โทรศัพท์เตือนว่าเหรียญกำลังจะหมดพิณทองรีบพูด
“คุณชนะเหรอคะ พิณเองค่ะ”
ชนะศึกดีใจ “พิณทองเหรอ ตอนนี้คุณอยู่ไหน เป็นไงมั่ง”
“พิณมีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับคุณน่ะค่ะ เหรียญกำลังจะหมดแล้ว วันนี้คุณออกมาเจอพิณได้ไหมคะ ที่” พิณทองบอกชื่อสถานที่ “เดี๋ยวนี้เลยนะคะ”
เสียงสายถูกตัดไป
“พิณทอง พิณ...” สายตัดไปแล้ว ชนะศึกหงุดหงิด บอกกับสุดาอย่างใจร้อน “บอกที่ประชุมให้ประชุมกันไปก่อน ผมมีเรื่องด่วนต้องไปทำ”
ชนะศึกเดินแกมวิ่งออกไปทันทีอย่างร้อนใจ สุดามองตามงง ๆ
เรืองโรจน์เดินเข้ามาจากอีกทาง มองตามชนะศึกไปด้วยความสงสัย จึงแกล้งถาม
“อ้าว คุณสุดา เจ้านายคุณเขารีบร้อนไปไหน”
“อ๋อ ไปหาน้องพิณน่ะค่ะ พอดีน้องพิณโทร. มา” สุดาบอกพาซื่อ
เรืองโรจน์ยิ้ม ดวงตาวาววาม

รถชนะศึกแล่นเข้ามาจอดที่บริเวณหน้าสวนหย่อมในสวนสาธารณะแห่งนั้น รถของเรืองโรจน์แล่นตามมา จอดอยู่ไม่ห่างรถของชนะศึก ที่สวนหย่อมชนะศึกเข้าไปหาพิณที่นั่งรอยู่
พิณทองหันมาเห็นก็ดีใจ “คุณชนะศึก”
“พิณทอง คุณเป็นไงบ้าง ลำบากมากไหม ทำไมคุณไม่ติดต่อกลับมาเลย”
“วุ่นไปหมดเลยค่ะ พิณย้ายบ้านไปอยู่แถวหลังวัด...โน่นแน่ พิณเป็นห่วงพี่เพชรค่ะ” สีหน้าเศร้าลง “ตอนนี้พี่เพชรต้องคอยหนีตำรวจ แม่พิณก็กลุ้มใจทุกวัน” พิณทองทำท่าจะร้องไห้
ชนะศึกแสนสงสาร “คุณอยากให้ผมช่วยอะไร บอกมาเลย”
พิณทองไหว้ “พิณไหว้ล่ะค่ะ คุณชนะศึกช่วยพูดกับคุณแม่ของคุณหน่อยได้ไหมคะ เรายอมแพ้ทุกอย่างแล้ว พิณกับแม่จะไม่ยุ่งอะไรกับครอบครัวของคุณอีก แค่ขอให้ท่านช่วยบอกความจริงกับตำรวจไปว่าที่เพชรไม่ใช่เจ้าของยา”
“แล้วบอกเขาว่า เจ้าของยาคือคุณแม่ผมเอง... งั้นเหรอ”
“คุณไม่เชื่อเหรอคะ ว่าท่านใส่ร้ายพี่เพชร”
ชนะศึกอึ้งไปอย่างหนักใจ ก่อนจะพูดอย่างระมัดระวัง
“เรื่องนี้มันเรื่องใหญ่นะพิณทอง คุณกำลังบอกว่าแม่ผมพัวพันกับยาเสพติดนะ” ชนะศึกมีท่าทีลำบากใจ “คือถ้าคุณไม่มีหลักฐาน...”
พิณทองฉุนขาด สวนคำทันที “จะเอาหลักฐานอะไรล่ะค่ะ รอยเท้าหรือรอยนิ้วมืองั้นเหรอ คนระดับคุณแม่คุณต้องลงมือทำอะไรเองเลยเหรอคะ พิณถึงจะมีหลักฐานไปมัดตัวท่านได้”
“ไม่ใช่อย่างนั้น ผมหมายความว่า...”
พิณทองน้อยใจ ฟูมฟาย “คุณคิดว่าพี่เพชรผิดจริงใช่ไหมคะ เพราะเราจนใช่ไหมคะ เราถึงทำชั่วได้ คนจนมันเลวกันทุกคนเลยใช่ไหมคะ”
“พิณทอง นี่ไปกันใหญ่แล้วนะ ผมไม่เคยดูถูกคุณ ก็แค่จะเตือนให้คุณคิดให้ดีๆ ก่อนที่คุณจะกล่าวหาคุณแม่ผม”
ได้ยินชนะศึกใช้คำว่า “กล่าวหา” พิณทองเลยยิ่งโกรธ
“ถ้าคุณชนะคิดว่าพิณกล่าวหาท่าน เราก็คงไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก พิณไปล่ะค่ะ”
พิณทองสะบัดหน้าจะเดินหนี ชนะศึกคว้าแขนพิณทองไว้
“เดี๋ยวซี คุณไม่เข้าใจผม”
“พิณเข้าใจดีค่ะ แม่ใครใครก็รัก พิณโง่เองที่คิดว่าจะพึ่งคุณได้” นึกน้อยใจขึ้นมาอีก “พิณเข้าใจค่ะ แล้วก็ไม่ว่าอะไรคุณด้วย”
พิณทองดึงดันจะไป ชนะศึกจับไว้ แล้วรวบตัวพิณทองมากอดเอาไว้ ดุแรง ๆ
“ฟังนะพิณทอง ผมรู้ว่าคุณแม่ผมทำไม่ดีกับครอบครัวคุณ” พิณทองชะงัก “แต่สำหรับเรื่องยาน่ะ คุณต้องยอมรับว่าคุณก็ไม่มีหลักฐานที่จะเอาผิดท่าน” ค่อยๆ คลายอ้อมกอด ปล่อยพิณทอง พูดเสียงอ่อนลง “แต่ผมรับรอง จะช่วยพี่ชายคุณ”
พิณทองจ้องหน้าชายหนุ่มย้อนถาม “แม้ว่ามันจะทำให้คุณแม่คุณต้องเดือดร้อนงั้นเหรอคะ พิณไม่อยากจะเชื่อ”
ชนะศึกจับมือพิณทองไว้ “เชื่อผม ผมจะทำสิ่งที่ถูกต้อง”
พิณดึงมือออก ยิ้มให้ ถอยออกมาจากชนะศึก เขินนิด ๆ แล้วเดินกลับไป ชนะศึกมองตาม
เรืองโรจน์เห็นพิณทองจึงรีบวิ่งกลับไปที่รถ
แทนสายตาชนะศึก เห็นเรืองโรจน์เดินออกมา แปลกใจ ไม่พอใจ

เรืองโรจน์กำลังจะขึ้นรถที่หน้าสวน ชนะศึกเดินปรี่เข้ามาหา เรืองโรจน์ตกใจ แต่ทำเป็นบังเอิญเห็นเพื่อกลบเกลื่อน
“คุณเรืองโรจน์”
“อ้าว คุณชนะศึก คุณมาทำอะไรแถวนี้ครับ”
“ผมน่าจะถามคุณมากกว่า คุณมาทำอะไรแถวนี้” ชนะศึกย้อนถาม
“ผมมาทำธุระน่ะครับ”
“ธุระอะไร ตามสะกดรอยผมเนี่ยนะ ธุระของคุณ”
เรืองโรจน์ตีหน้าเซ่อ ทำงง “พูดเรื่องอะไรกันครับ”
ชนะศึกจ้องตา “อย่ามาทำเป็นแกล้งโง่ดีกว่า ผมรู้นะว่าคุณคอยตามผม คุณทำงานให้แม่ผม” เรืองโรจน์นิ่งงันไป “บอกมาเลยนะ ผมไม่เหมือนพ่อผม พ่อผมเป็นคนมีความอดทน แต่ผมไม่มี”
เรืองโรจน์ฉุนบอกอย่างสามหาวถือดี ไม่ยี่หระ “ในเมื่อคุณชนะก็รู้ว่าผมทำงานให้ใคร แล้วคิดเหรอครับว่าใครจะทำอะไรผมได้ง่ายๆ”
“อย่าอวดดีเกินไปนัก คุณเรืองโรจน์” ชนะศึกอดไม่ไหวพูดจาดูถูกแกมตักเตือน “สุนัขรับใช้บางตัวถึงมันจะมีปลอกคอ แต่ถ้ามันสร้างความรำคาญจนผมทนไม่ไหว ผมอาจจะเตะให้กระเด็นไปก็ได้ ผมบอกแล้วไง ผมเป็นคนไม่มีความอดทน”
พูดแล้วชนะศึกก็เดินออกไป เรืองโรจน์มองตามอย่างอาฆาตแค้นชนะศึก

อังคณาโกรธมากพอรู้เรื่องจากสายสืบส่วนตัว
“เธอก็เลยไม่ได้ตามนังเด็กนั่นไปเหรอ”
เรืองโรจน์กับชนกนันท์อยู่ด้วยในห้องนั่งเล่น
น้ำเสียงเรืองโรจน์ยังโกรธชนะศึกอยู่เหมือนเดิม “ก็คุณชนะมาขวางซะก่อนนี่ครับ”
ชนกนันท์ยิ่งไม่พอใจ “ตกลงพี่ชนะก็รู้แล้วซี ว่านายแอบตามเขาไป”
“ครับ”
“หมดกัน คุณธานินทร์รู้ว่าเธอทำงานให้ฉัน ตอนนี้ ชนะก็รู้อีก ต่อไปจะทำงานได้ยังไง เธอไม่มีประโยชน์แล้ว เรืองโรจน์” เรืองโรจน์อึ้ง อังคณาลุกไปเซ็นเช็ค ส่งให้ “เอาไป ค่าเหนื่อยของเธอ แล้วจะไปไหนก็ไป”
อังคณาเดินไปนั่งอย่างหงุดหงิด เรืองโรจน์มองดูตัวเลขเห็น 1 แสนบาทบนเช็ค ไม่พอใจ แต่ฝืนยิ้ม
“หนึ่งแสนบาท งานนี้มีความหมายแค่นี้เองเหรอครับ”
ชนกนันท์ดูหมิ่นต่อทันที “แล้วแกอยากได้เท่าไหร่ล่ะ ว่ามาซี”
เรืองโรจน์พูดกับอังคณา แต่หันไปมองชนกนันท์ น้ำเสียงจริงจัง “เรื่องนี้ ผมจะคุยกับคุณอังคณาคนเดียวเท่านั้น”
อังคณาหันมามองเรืองโรจน์อย่างรำคาญ แต่เห็นแววตาจริงจัง เลยชะงัก
เรืองโรจน์ย้ำเสียงเข้ม “คุณอังคณาครับ ผมขอ...”
อังคณาพยักหน้า “ออกไปก่อนยัยนก”
ชนกนันท์ค้อนแม่อย่างขัดใจ “คุณแม่อ่ะ”
อังคณาโบกมือไล่ ชนกนันท์ไม่พอใจ แต่ก็เดินออกจากห้องไป เรืองโรจน์มองตามหลังไป จนพ้นสายตา อังคณาตวัดเสียงอย่างหงุดหงิด
“จะเอายังไง เท่าไหร่ ว่ามา”
เรืองโรจน์ยิ้ม ท่าทีอ่อนน้อม แต่แววตาเจ้าเล่ห์
“เอ้า ว่าไงล่ะ จะยิ้มทำไม มีอะไรก็พูดมาซี”

ชนกนันท์ยังเดินวนเวียนอยู่หน้าห้อง คอยดูสถานการณ์ในห้อง ด้วยความอยากรู้อยากเห็น สักครู่หนึ่งเห็นเรืองโรจน์เดินยิ้มออกมาจากห้อง
“อารมณ์ดีจริงนะ” แหวใส่ “แกขออะไรคุณแม่ล่ะ รถ คอนโด หรืออะไร”
เรืองโรจน์ไม่ตอบ มองหน้าชนกนันท์แล้วยิ้มๆ
“ฉันถาม ไม่ได้ยินหรือไง”
เรืองโรจน์หัวเราะ แล้วเดินออกไป
“ไอ้บ้า ลามปาม ถามอะไรก็ไม่ตอบ ทุเรศ...”
ชนกนันท์นึกแล้วอยากรู้ จนทนไม่ไหว เดินเข้าไปหาอังคณาในห้องนั่งเล่น

อังคณาจิบเครื่องดื่มอยู่อย่างสบายใจ ใบหน้ายิ้มละไม
“ไม่มีอะไรหรอกน่ะ ยัยนก อย่าวุ่นวายไปเลย”
“ไม่มี แล้วทำไมมันต้องทำท่าลับลมคมนัยด้วยล่ะคะ คุณแม่...มันยิ้ม แล้วมันทำท่า...” ชนกนันท์นึกถึงเรืองโรจน์ แล้วทำท่าขยะแขยง “...นกก็บอกไม่ถูก แต่ว่ามัน...”
อังคณาหัวเราะเยาะเรืองโรจน์ “เอาเถอะน่ะ ไม่มีอะไรหรอก คนมันไม่เคยมี มันก็อยากได้อยากมีของมันไปตามประสา”
“แต่ตอนนี้ คุณพ่อกับพี่ชนะก็รู้ทันว่ามันเป็นคนของคุณแม่ แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรคะ”
“จะว่าไป เรืองโรจน์มันก็ไม่ถึงกับไร้ประโยชน์ซะทีเดียวหรอกยัยนก เพราะมันทำให้แม่คิดได้...” หันบอกชนกนันท์ “...ว่าคนอย่างพ่อแก พูดไปก็ไร้ประโยชน์ เปลืองน้ำลายเปล่าๆ”
“แปลว่าคุณแม่จะปล่อยให้คุณพ่อ...”
อังคณายกมือห้าม “ไม่ปล่อย แต่แม่จะไม่พูดแล้ว...ถึงเวลาต้องลงมือจัดการขั้นเด็ดขาดซะที”

อังคณาพูดเป็นนัยพร้อมกับยิ้มร้ายอย่างสะใจ

ธานินทร์อยู่ในห้องทำงานที่บ้านเลิศชัยวัฒน์ รับรู้เรื่องการนัดพบของชนะศึกกับพิณทองแล้ว

“เจ้าเรืองโรจน์แอบสะกดรอยตามลูกไปงั้นหรือ? นี่แปลว่าแม่ของลูกยังไม่เลิกราจริงๆ” ธานินทร์ถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย “ทำเขาจนบ้านแตกสาแหรกขาดแบบนั้น ยังไม่สาสมใจ แล้วนี่ลูกว่าเขาย้ายไปอยู่ที่ไหนกันนะ”
“เห็นเขาว่าอยู่หลังวัด... ครับ”
ธานินทร์ทวนคำ พยายามจำ “วัด..เหรอ”
“ผมไม่ได้ตามเขาไป แต่ฟังดูท่าทางอยู่ไกล แล้วก็คงจะลำบากกันน่าดู”
ธานินทร์ครวญ “บาปกรรมแท้ ๆ เราต้องรีบช่วยเขานะชนะ ให้เขาพ้นจากเรื่องบ้าๆ นี่ซะที”
ธานินทร์ยื่นนามบัตรใบหนึ่งให้ชนะศึก
“เอ้า” ชนะศึกรับไปดู “ลูกไปคุยกับผู้การสวัสดิ์เลย พ่อโทร.นัดเขาไว้แล้ว จะให้เขาช่วยเรื่องพี่ชายของพิณทอง”
ชนะศึกรับนามบัตรมา “พ่อไม่ไปด้วยเหรอครับ”
ธานินทร์นิ่งไป หยุดนิดหนึ่ง ก่อนจะบอกต่อ “ไม่ล่ะ พ่อมีธุระอย่างอื่นต้องทำ”
“ครับพ่อ”
ชนะศึกพยักหน้ารับทราบ แล้วออกไป

เช้านั้นธานินทร์นั่งลงที่โต๊ะทำงาน เปิดลิ้นชักแล้วหยิบกล่องใส่นาฬิกาออกมา เปิดกล่องแล้วหยิบนาฬิกาพกออกมา นั่งจ้องมองนาฬิกาเรือนนั้น รำพึงกับตัวเอง
“ยี่สิบปีแล้ว วันนี้ฉันจะได้พบเธอซะทีพรรณี”
ธานินทร์จดสายตามองนาฬิกาอยู่อย่างนั้น

เพชรแท้ใส่หมวกแก๊ปปิดบังพรางหน้าตา เดินมองซ้ายมองขวาอย่างระวัง มาที่ลานจอดรถ ขณะที่บนรถคันหนึ่งสมภพนั่งคอยอยู่ เพชรแท้เดินมา และเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถข้างคนขับทันที
“เฮ้ย! ทำไมมาช้าจังวะ นี่เงินแก พี่เกียรติให้เอามาให้” สมภพบอก
เพชรแท้หยิบซองมาเปิดออกดู นับเงิน แล้วอึ้งไป
“เหลือแค่นี้น่ะเหรอ

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 6/3 วันที่ 8 พ.ย. 55

เค้าโครงเรื่อง : ทีมเอ็กแซ็กท์
บทโทรทัศน์ : กษิดินทร์ แสงวงษ์ , ศิริลักษณ์ ศรีสุคนธ์
กำกับการแสดง : นิพนธ์ ผิวเณร
อำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร, ถกลเกียรติ วีรวรรณ
แนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ออกอากาศ : จันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 5
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่มตอนแรกอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ที่มา manager.co.th