อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 6/2 วันที่ 7 พ.ย. 55

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 6/2 วันที่ 7 พ.ย. 55

พรรณีพูดกับป้าสำอางค์ และผึ้ง “ฉันกับลูกลาล่ะ”
ครู่หนึ่งพรรณีและพิณทองขึ้นรถไป

พรรณีเหลียวมองกลับไปที่บ้านของตัวเองอีกครั้งอย่างหดหู่ ส่วนพิณทองรู้สึกแย่ที่ทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้
“น่าสงสารมันแท้ๆ เลย พรรณีเอ๊ย เวรกรรมจริงๆ”
สำอางค์รำพึงออกมาด้วยความเวทนา

สองพ่อลูกอยู่ในห้องทำงานของธานินทร์ที่บ้านเลิศชัยวัฒน์ ชนะศึกเล่าเรื่องที่พรรณีถูกอังคณาหลอกมาทำร้ายที่บ้านให้ธานินทร์ฟังหมดแล้ว ธานินทร์ผุดลุกขึ้นท่าทางฉุนเฉียวดูออกว่าโกรธมาก



“อะไรกัน นี่ทำกันถึงขนาดนี้เชียวเหรอ มันมากเกินไปแล้วนะ ชนะ แม่เขาทำแบบนี้ได้ยังไงกัน พ่อจะไปพูดกับเขา”
ธานินทร์จะออกจากห้องทำงานไป แต่ชนะศึกดึงแขนธาพ่อไว้
“อย่าเพิ่งเลยครับ ไม่ใช่ตอนนี้”
ธานินทร์ดึงดันจะไป “แม่ของลูกร้ายเกินไป พรรณีเขามีเรื่องเดือดร้อน อยากจะพบพ่อ แต่แม่ของลูกกับยัยนกกลับหลอกเขามาทำร้าย มันโหดร้ายสิ้นดี”
ชนะศึกหนักใจ “พ่อครับ ผมเข้าใจครับ แต่มันมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่า เราน่าจะทำก่อน”
ธานินทร์ฉงน “อะไร”
“เรื่องพี่ชายของพิณทอง ทำไมเขาถึงคิดว่าคุณแม่เป็นคนใส่ร้ายเขาเรื่องยาเสพติด ผมอยากรู้ว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง”
ธานินทร์กับชนะศึกยืนนิ่งคิด

เย็นวันนั้นพรรณีกับพิณทองอยู่ที่หน้าบ้านเช่าแห่งใหม่ เป็นบ้านไม้เก่าๆ สภาพบ้านแย่กว่าบ้านเช่าหลังเดิมที่เคยอยู่ ป้าเจ้าของบ้านพาเดินเข้ามาด้านใน
“ขอค่าเช่าล่วงหน้ามาเลยนะ เดือนละสองพัน สองเดือนก็สี่พัน” ป้าเจ้าของบ้านเช่าบอก
“เอาล่วงหน้าด้วยเหรอ” พรรณีใจแป้วมองกระเป๋าสตางค์ในมือ “ฉันเพิ่งย้ายมา ข้าวของอะไรก็ยังไม่ได้ซื้อ ฉันจ่ายเดือนเดียวก่อนได้ไหมจ๊ะ ขอเก็บเงินไว้ทำทุนก่อน”
“มันตามธรรมเนียมอยู่แล้ว ค่าเช่าบ้านล่วงหน้าเนี่ย”
พรรณีพยักหน้า จำใจควักเงินส่งให้ เกือบหมดกระเป๋า
“กุญแจบ้าน” ป้าส่งให้ “มีดอกเดียวนี่แหละ เอาไว้ล็อคประตูหน้าบ้าน”
ป้าเจ้าของบ้านเดินออกไป
พรรณีกับพิณทองชะงักเมื่อหันไปเห็นประตูบ้านหลุดอยู่ และวางไว้ตรงหน้าบ้าน
“เดี๋ยวจ๊ะป้า ประตูมันเป็นแบบนี้ แล้วจะล็อคยังไงล่ะป้า” พิณทองทักท้วง
ป้าหันมาไม่ได้ใส่ใจมากนัก “ลืมไป ประตู ไอ้คนเก่ามันทำพังไว้ พออยู่กันได้ไหมล่ะเนี่ย ทรัพย์สมบัติก็ไม่มีอะไรไม่ใช่เหรอ”
“แหม ฉันอยู่กันแต่ผู้หญิงนะจ๊ะ มันไม่ค่อยปลอดภัยเลย ยังไงก็ซ่อมให้ฉันหน่อยเถอะ” พรรณีร้องขอ
ป้าส่ายหัว ทำท่าลำบากใจ
“ฉันไม่มีคนซ่อมนะซี หลานชายก็โดนเกณฑ์ทหารไปซะแล้ว ไม่งั้นจะให้มันมาช่วย ลำพังฉันเองน่ะซ่อมไม่ไหวหรอก เอางี้” พลางส่งแบงค์ร้อยคืนให้ 1 ใบ “ฉันลดค่าเช่าให้ร้อยนึงละกัน ค่าประตู”
พูดจบป้าก็เดินหนีไป พิณทองกับพรรณีมองประตูงงๆ ว่าจะทำยังไงดี
“ป้าแต่...” พิณทองจะพูด แต่ไม่ทันป้าเดินลับตัวไปแล้ว

เวลาต่อมา พิณทองกับพรรณีกำลังช่วยกันซ่อมประตูบ้าน พิณทองช่วยยกจับประตูให้เข้าที่ ขณะที่พรรณีพยายามใช้ค้อนตอกตะปูติดบานพับ แต่ตอกไม่ค่อยถนัดนัก ท่าทีเก้ๆกังๆ
แถมประตูมีน้ำหนักมาก พิณทองต้องออกแรงเต็มที่ยกและดันประตูไว้
“ได้ยังคะแม่”
“ได้แล้วๆ หนักหน่อยนะ”
“ค่ะๆ”
“หนักไหมลูก ทนอีกนิดนะ จวนจะได้แล้ว”
“ไม่เป็นไรจ้ะแม่” ปากบอกไป แต่ท่าทางบอกชัดว่าแทบไม่ไหวแล้ว
พรรณีพยายามตอกตะปูเข้าไป แต่ไม่ค่อยถนัด ตะปูเลยเบี้ยวคาไม้
พรรณีถอดใจ เริ่มต้นใหม่ ตะปูเหลืออีกตัวเดียว พรรณีจับตะปูแน่น เลยตอกโดนมือตัวเองจังๆ
พรรณีร้อง “โอ๊ย”
พิณทองตกใจ “แม่ เป็นอะไรมากไหม พิณตอกให้เองดีไหมแม่”
“ไม่เป็นไรลูก นิดเดียวเอง จะเสร็จแล้ว จับไว้ก่อนนะลูก”
“ได้ ๆ ค่ะ พิณไหว”
พรรณีทนเจ็บกัดฟันตอกตะปูจนสำเร็จพลางยกมือปาดเหงื่อ “ได้แล้วลูก
“งั้นพิณไปเอายามาให้แม่นะ”
พิณทองเดินออกไป ปล่อยให้พรรณีอยู่ที่ประตูคนเดียว
เนื่องเพราะบานพับตอกตะปูไม่ครบจึงรับน้ำหนักประตูไม่ไหว ในที่สุดบานพับก็หลุด ประตูล้มลงจะทับร่างพรรณี
อยู่แล้ว พรรณีร้องลั่นตกใจมาก ก้มหน้าอย่างหวั่นกลัว
ประตูกำลังจะล้มลง จู่ๆ มีมือของใครคนหนึ่งเข้ามารับประตูไว้ แล้ววางประตูลง พรรณีเงยหน้าขึ้นมองงงๆ ก่อนจะเห็น เป็นเพชรแท้ที่มาช่วยไว้ทัน
พรรณีร้องออกมาอย่างดีใจ “เพชร”
เพชรแท้สวมกอดพรรณีแน่น “แม่”
พิณทองเดินออกมาเห็นพอดี
“พี่เพชร” วิ่งมากอดเพชรแท้อีกคน

สามคนแม่ลูกกอดกันกลมด้วยความดีใจ
ขณะที่เพชรแท้ทายาให้พรรณีอยู่นั้น พิณทองกำลังใช้ขันตักน้ำดื่มจากโอ่งหลังบ้านมาให้

“เพชรโทร.ไปหาป้าสำอางค์ เขาบอกว่าแม่ย้ายมาอยู่ที่นี่ ทำไมแม่ต้องย้ายออกมาจากบ้านนั้นด้วยล่ะ เพชรหนีตำรวจคนเดียว แม่ไม่ได้เกี่ยวด้วยซักหน่อย” เพชรแท้ถาม
“พวกนั้นเขาไม่ยอมเลิกรา เขาขู่จะทำร้ายครอบครัวเราอีก แม่กลัวว่าคราวนี้เขาจะมายุ่งกับพิณ”
เพชรแท้หันมาทางพิณทองตาขวาง “เห็นไหมว่าพวกมันเลวแค่ไหน” พาลโมโหใส่พิณ “มันทำให้พี่กลายเป็นโจรผู้ร้าย ทำให้แม่ต้องย้ายมาอยู่ไอ้บ้านเช่าโทรมๆ นี่ คราวนี้ ยังจะปลื้มมันอยู่อีกหรือเปล่า”
“แม่ก็ส่วนแม่ ลูกก็ส่วนลูกซีพี่เพชร คุณชนะศึกเขาไม่ได้ทำร้ายอะไรใครซักหน่อย” พิณทองแย้ง
เพชรแท้พาลพาโล “มันแม่ลูกกัน มีหรือมันจะไม่รู้กัน”
“พี่เพชร อย่างนี้เขาเรียกว่าพาลแล้วล่ะ” พิณทองโมโหเดินไปหาพรรณี
เพชรแท้ฉุนดึงแขนพิณทองไว้ “นี่ว่าพี่เรอะ” ออกอาการโมโห “พิณ เห็นมันดีกว่าพี่อีกแล้วเหรอ”
พิณทองเริ่มโมโหบ้าง “ก็พี่เพชรพาลจริง ๆ”
เพชรแท้ขึ้นเสียง “ยังจะเถียงอีก พูดไม่รู้เรื่องหรือ” สะบัดแขนพิณทองจนน้ำหกจากขัน
พิณทองโมโหทิ้งขันน้ำนั้นลง “ก็คุณชนะศึกเขาไม่ผิดนิ”
เพชรแท้พูดใส่หน้าน้องสาว “ดูสิ มันทำกับครอบครัวเรายังไง”
“พอแล้วลูก พอแล้ว อย่าทะเลาะกันได้ไหม” พรรณีทั้งอัดอั้นและคับแค้นใจ จนร้องไห้ออกมา
ลูกทั้งสองคนชะงัก พิณทองเข้าไปกอดปลอบพรรณี
“แค่นี้มันยังแย่ไม่พออีกเหรอ จะต้องให้ทุกข์กันไปถึงไหน”
“พิณขอโทษจ้ะ”
“เพชรก็แค่โมโหพวกมันที่ทำให้เราต้องเป็นแบบนี้”
“ไม่ต้องไปโมโหใคร ไม่ต้องคิดถึงคนอื่นอีกแล้ว ตอนนี้เราได้อยู่ด้วยกันครบ แม่ก็ถือว่ามันดีที่สุดแล้ว” พรรณีดึงเพชรแท้เข้ามากอด “ครอบครัวเราก็มีกันอยู่เท่านี้ เราต้องรักกันให้มากๆ ต้องช่วยกันทำทุกอย่าง ให้เรื่องเลวร้ายมันผ่านพ้นไป จำไว้นะทั้งสองคน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ลูกจะต้องรักกันให้มากๆ อย่าทะเลาะกันอีกรู้ไหม”
ทั้งคู่รีบพยักหน้ารับคำ พรรณีกอดลูกสองคนไว้แน่น

เย็นวันเดียวกัน อังคณาอยู่กับชนกนันท์อยู่ในห้องนั่งเล่นที่บ้าน เรืองโรจน์มารายงานเหตุการณ์
“รู้ไหม มันย้ายไปอยู่ที่ไหน”
“เรื่องนี้ผมยังไม่ทราบครับ”
อังคณาหัวเราะเยาะ “สมน้ำหน้าพ่อแกนัก อุตส่าห์ไปหาเมียเก่าแต่ไม่เจอ ฮึ ป่านนี้มันคงหนีหัวซุกหัวซุนไปอยู่ไหนๆ แล้ว”
ชนกนันท์ยิ่งสะใจ “ลองมีคดีติดตัวอย่างนั้น คงต้องเตลิดเข้าป่าไปเลยล่ะค่ะแม่”
“ดี! แต่เราก็ยังวางใจไม่ได้นะ นก ลองพ่อกับพี่ชายลูกไปตามหามันไม่เจอ เขาคงไม่เลิกง่ายๆ” อังคณาหันมากำชับเรืองโรจน์ “เธอต้องคอยจับตาดูพวกเขาไว้ เรืองโรจน์ ไม่ว่ามันย้ายไปอยู่ไหน เราก็จะตามเล่นงานมันอีก ตราบใดที่มันยังอยู่บนโลกนี้ ฉันจะตามมันไปทุกที่”
เรืองโรจน์พูดประจบ “คุณอังคณาไม่ต้องห่วงครับ ถ้าเรื่องไหนที่ท่านรู้ เราก็จะต้องรู้”
สองแม่ลูกยืนยิ้มอย่างสะใจ

เรืองโรจน์กำลังเดินออกมาที่โถงในบ้าน ชนกนันท์เดินตามหลังมา พูดแขวะ
“จะรีบไปหาความดีความชอบใส่ตัวอีกล่ะสิ”
เรืองโรจน์หยุด หันหลังมามองนก
“ผมทำตามคำสั่งของคุณอังคณาครับ”
“แต่มันทำให้คุณพ่อกับคุณแม่ทะเลาะกัน” ชนกนันท์ตวาด “สิ่งที่แกทำ มันทำให้ครอบครัวฉันเดือดร้อน”
เรืองโรจน์ยิ้มเยือกเย็น “ผมก็แค่ทำตามหน้าที่ลูกจ้างที่ดี”
“เหรอ! แต่ฉันว่า แกทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองมากกว่า อย่านึกว่าฉันรู้ไม่ทันคนพรรค์อย่างแก!”
เรืองโรจน์โกรธที่โดนดูถูก แต่ยังสงบสติไว้
“คิดเสียว่า ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ดีกว่าครับ...คนเรา ไม่ว่าจะสูงหรือต่ำ มันก็ต้องพึ่งพาอาศัยกันนะครับ”
ชนกนันท์มองเรืองโรจน์อย่างดูถูก
“แกจะทำอะไรก็ทำไป” ประโยคหลังชนกนันท์เน้นคำ “แต่จำใส่กระโหลกเอาไว้ อย่าล้ำเส้น อย่าทำอะไรเกินคำสั่ง แล้วที่สำคัญ อย่าให้คุณพ่อฉัน ต้องเดือดร้อนเพราะแก”
พูดจบชนกนันท์ก็สะบัดหน้าเดินออกไป เรืองโรจน์มองตาม สีหน้าร้ายกาจผุดออกมาอย่างชัดเจน

คืนนั้น ขณะที่พิณทองกำลังทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่ ส่วนพรรณีกำลังติดโบว์ที่ชุดกระโปรงเด็กกองใหญ่ เพชรแท้มานั่งดูด้วยความรู้สึกสงสารแม่จับใจ
“เขาให้ค่าแรงเท่าไรเนี่ยแม่” เพชรแท้ถาม
“ตัวละห้าสิบสตางค์น่ะ ถ้าวันนึงเราทำได้หนึ่งพันตัว เราก็จะได้ห้าร้อยนะ”
“พันตัว” เพชรแท้ลุกหนี นึกโมโหตัวเอง “เป็นเพราะเพชรแท้ๆ ถ้าเพชรไม่ต้องหนีตำรวจ เพชรก็คงกลับไปทำงานที่สปอร์ตคลับได้ มีเงินมาให้แม่ แม่ก็ไม่ต้องลำบาก”
พรรณีเดินตามเพชรแท้ไป “อย่าพูดอย่างนั้นสิเพชร งานแค่นี้แม่ไม่เป็นอะไรหรอก” พรรณียิ้มอย่างมีหวัง “ถึงมันจะได้เงินน้อย แต่มันก็ยังเป็นงานนะ”
พรรณียิ้มปลอบจนเพชรแท้เย็นลง เดินกลับไปนั่งลง
“งั้นเพชรช่วยแม่ทำเอง”
พรรณียิ้ม แล้วลงไปนั่งเย็บโบว์ต่อ ระหว่างนั้นพิณทองเดินออกมาจากอีกด้าน พร้อมกับถาดใส่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 3 ชาม

“อาหารเย็นเสร็จแล้วจ้ะ กินกันเถอะ”
พรรณีมองที่ชามบะหมี่ยิ้มบอกลูกๆ “ลูกกินกันเถอะ แม่จะทำงานต่อ”
“แม่กินก่อนนะ กินเสร็จแล้วเดี๋ยวพิณช่วยด้วยอีกคน” เด็กสาวยิ้มแย้มสดใส “เราสามคนช่วยกัน
คืนนี้ไม่เสร็จไม่เลิก” หันมาพูดกับเพชรแท้ “เนอะพี่เพชรเนอะ”
เพชรแท้เอาด้วย “ใช่ ไม่เสร็จไม่เลิก มา แม่มากินก่อนมา”
“จ้ะ”

พรรณียิ้มออกมาอย่างตื้นตัน มองลูกทั้งสองอย่างสุขใจ
เวลาเดียวกัน ที่บ้านเลิศชัยวัฒน์ อังคณาเดินลิ่วขึ้นบ้าน หน้าเชิด ด้วยอารมณ์โกรธจัด มีธานินทร์ตามมา สองคนทะเลาะกันรุนแรง ด้วยอารมณ์ที่โมโหจัดทั้งคู่

“หยุดนะ อังคณา ผมบอกให้หยุด...” อังคณาไม่ยอมหยุด ธานินทร์พูดเย้ยอีก “แน่จริงก็อย่าหนี”
ได้ผล อังคณาชะงักกึก หันขวับมา ตาวาววับ ธานินทร์มองสู้สายตา อย่างท้าทาย
“ตอบผมมา คุณให้คนเอายาเสพติดไปไว้ที่บ้านพรรณีใช่ไหม” อังคณาเชิดหน้านิ่ง “กล้าทำก็กล้ารับหน่อย”
อังคณาแหวใส่ “เออ ใช่! ฉันทำ แล้วคุณจะทำไม”
ธานินทร์ตกใจที่อังคณายอมรับ อังคณาพูดใส่อารมณ์อย่างเจ็บแค้น
“อึ้งเลยเหรอ ไง ล่ะ เป็นห่วงกันนักใช่ไหม จะบอกให้นะ พวกมันไม่รอดแน่ โดยเฉพาะลูกชายมัน ติดคุกหัวโต ไม่ได้ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันแน่นอน”
ธานินทร์หน้าสลดลง เสียใจยิ่งนัก “ทำไม...คุณอังคณา คุณไปทำร้ายคนที่ไม่มีทางสู้คุณทำไม”
“ฉันพอใจ! ถ้าฉันไม่มีความสุข ก็อย่าหวังเลยว่าใครจะมันมี”
ธานินทร์เหลืออดด่าออกมา “เลวจริงๆ” พร้อมกับดึงแขนอังคณาอย่างแรง “ไป คุณต้องไปบอกตำรวจ ว่าคุณเป็นคนใส่ร้ายเขา”
อังคณาขัดขืนไม่ยอมไปง่าย ๆ
“ฉันไม่ไป”
ธานินทร์ดึงแขนอังคณา พยายามพาตัวอังคณาลงบันได
“คุณต้องไป ไปกับผมเดี๋ยวนี้”
อังคณาขัดขืนแรงขึ้น โดยจับราวบันไดไม่ยอมตามไป และแผดเสียงดังมากขึ้น
“ไม่...ปล่อยฉันนะคุณธานินทร์”
ทั้งคู่ยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่ เสียงดังโหวกเหวกโวยวาย
ชนะศึก และชนกนันท์ได้ยิน ต่างออกมาจากห้องของตัวเอง หน้าตาตื่นตระหนก
“อะไรกันครับคุณพ่อ คุณแม่” ชนะศึกรีบเข้าไปห้ามกลางระหว่างธานินทร์กับอังคณา
ส่วนชนกนันท์รีบเข้าไปหาอังคณา
ชนกนันท์มองธานินทร์อย่างตำหนิ “คุณพ่อจะทำอะไรคุณแม่คะ”

ธานินทร์ชะงัก อังคณาสะบัดหลุด แล้ววิ่งไปกอดชนกนันท์ แกล้งทำเป็นเสียใจ โวยวาย
“พ่อแกน่ะซี จะจับแม่ส่งตำรวจ”
“อะไรนะครับ คุณพ่อ” ชนะศึกตกใจ
“ก็แม่แกเค้าเป็นคนใส่ร้ายเพชรแท้เรื่องยา เค้ายอมรับออกมาเอง”
ชนะศึกตะลึง มองหน้าอังคณา
อังคณาพลิกลิ้นรีบปฏิเสธ “แม่ไม่ได้ทำนะ แม่ไม่ได้ทำ” จ้องหน้าธานินทร์ “คุณใส่ร้ายฉัน” แล้วหันมาฟ้องอ้อนชนะศึก “พ่อเขาใส่ร้ายแม่ เขาอยากกำจัดแม่ไปให้พ้น ๆ เค้าอยากให้แม่ติดคุก เขาจะได้ไปเสวยสุขกับเมียเก่าของเขา พ่อแกมันใจดำ ใจดำ” จากนั้นก็บีบน้ำตาแสร้งร้องไห้
ชนกนันท์กอดอังคณาแน่น แล้วหันไปต่อว่าธานินทร์ “คุณพ่อทำได้ยังไงคะ เห็นคนอื่นดีกว่าคุณแม่ได้ยังไง นี่แม่ของนกนะคะ”
ธานินทร์มองอังคณาที่กอดลูกอยู่ รู้ว่าไม่มีทางสู้แน่ ๆ ได้แต่ทอดถอนใจ
“เอาเถอะ คุณอังคณา วันนี้ผมทำอะไรคุณไม่ได้ แต่ซักวันนึง ทุกอย่างจะต้องเปิดเผยแล้วคุณจะต้องเสียใจ ที่ทำอย่างนี้”
ธานินทร์หันหลังเดินลงบันไดไป ชนะศึกยืนอยู่ใกล้ๆ มองธานินทร์ แล้วหันมองอังคณา เห็นอังคณามีสีหน้าและแววตาสะใจ ชนะศึกรู้ทันที ชายหนุ่มถอนใจ อังคณาหันมาเห็นแววตาชนะศึก รีบปรับทีท่า
“มองอะไรชนะ”
ชนะศึกถอนใจ แล้วเดินหนีไป

ด้านธานินทร์เดินลงบันไดมา จะออกไปหน้าบ้าน หยุดยืนคิดอย่างกลัดกลุ้ม
“พรรณี ผมจะช่วยคุณยังไงดี”
จู่ๆ ธานินทร์รู้สึกปวดท้องอย่างแรง ค่อยๆ ทรุดตัวลงใช้มือข้างหนึ่งจับราวบันไดไว้ อีกมือกุมท้อง สีหน้าเจ็บปวดทรมาณ แต่ยังรู้สึกเป็นห่วงพรรณี

เวลาผ่านไปจนเช้าวันใหม่มาเยือน พิณทองกำลังหุงข้าว เอาหม้อข้าวลงจากเตาถ่าน ส่วนอีกด้านหนึ่งเห็นเพชรแท้กำลังผ่าฟืน
พิณทองวิ่งไปหาเพชรแท้ หน้าตาตื่น
“พี่เพชร พี่เพชร มาดูแม่เร็ว แม่เป็นอะไรก็ไม่รู้”
“ทำไม แม่เป็นอะไร”
พิณทองตอบไม่ถูก เพชรแท้ตกใจรีบวิ่งเข้าไปในบ้าน

เพชรแท้วิ่งมาเห็นพรรณีนอนหลับตานิ่งอยู่กับถุงใบใหญ่ที่ใส่ผ้า
“แม่ แม่”
“พิณเรียกตั้งหลายทีแล้ว แม่ก็ไม่ตื่น นอนนิ่งเลย”
“ไปเอายาดมมา”
พิณทองวิ่งไป เพชรแท้ประคองแม่ พยายามนวดแขนให้เลือดลมเดิน พิณทองเอายาดมให้พรรณีดม ครู่หนึ่งพรรณีจึงลืมตาขึ้นมา
“แม่จ๋า แม่เป็นไงมั่ง” พิณทองถามอย่างห่วงใย

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 6/2 วันที่ 7 พ.ย. 55

เค้าโครงเรื่อง : ทีมเอ็กแซ็กท์
บทโทรทัศน์ : กษิดินทร์ แสงวงษ์ , ศิริลักษณ์ ศรีสุคนธ์
กำกับการแสดง : นิพนธ์ ผิวเณร
อำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร, ถกลเกียรติ วีรวรรณ
แนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ออกอากาศ : จันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 5
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่มตอนแรกอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ที่มา manager.co.th