อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 6 วันที่ 6 พ.ย. 55

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 6 วันที่ 6 พ.ย. 55

เพชรแท้ท้า “เอาเลยครับ ตามสบายเลย” ก่อนจะเดินมาที่รถมอเตอร์ไซค์ตน
พรรณีกับพิณทองเดินตามออกมา จังหวะนั้นเพชรแท้ใช้มือตบเบาะรถมอเตอร์ไซค์เบาๆ สังเกตเห็นว่าเบาะเปิดอยู่นิดๆ
เพชรแท้เปิดดู เห็นห่อพลาสติกสีน้ำตาลซุกอยู่ข้างใน เพชรแท้ตกใจรีบปิดเบาะทันที ตำรวจอีกนาย หันมาทางเพชรแท้ เห็นผิดสังเกต จึงเดินเข้ามาหาเพชรแท้ และปิดเบาะรถมอเตอร์ไซค์ออก หยิบพ่อพลาสติกขึ้นมา
“หมวดครับ เชิญทางนี้ครับ”
หมวดชะงักหันไปมอง และรีบวิ่งมาหาทันที รับห่อพลาสติกจากตำรวจลูกน้องมาดู
“นี่ของนายใช่ไหม นายเพชร” หมวดถาม

เพชรแท้ตกใจรีบบอก “ไม่ใช่”
เพชรแท้หันไปทางพรรณีซึ่งตกตะลึงอยู่
“เพชรไม่รู้เรื่องนะแม่ มันไปอยู่นันั้นได้ยังเพชรไม่รู้”
“เราคงต้องคุยกันเสียหน่อยแล้ว” ผู้หมวดรีบเข้ามาจับแขนเพชรแท้
เพชรแท้สะบัดมือตำรวจออกโวยลั่น “ผมไม่คุย”



ตำรวจลูกน้องบอก “ผมว่าไปโรงพักดีกว่า”
ตำรวจทั้ง 2 ตรงเข้าจับตัวเพชรแท้
“ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น”
เพชรแท้สะบัดตัวหลุดและวิ่งหนีไปทันที
“นายเพชรแท้ อย่าหนี” หมวดหันไปหาตำรวจลูกน้องสั่งการ “ตามไป”
ตำรวจทั้งสองคนวิ่งตามเพชรแท้ไป
พิณทองตกใจ “พี่เพชร”
พรรณี ใจหล่นวูบ “เพชร เพชรจะไปไหนลูก”
เพชรแท้ไม่สนใจ วิ่งลับตัวไปแล้ว

เพชรแท้วิ่งหนีเข้าไปในซอยอันคดเคี้ยวอย่างรู้ทาง ตำรวจ 2 วิ่งตามมาห่างพอสมควร
เพชรแท้วิ่งหนีเข้าซอยย่อย มีเข่งวางซ้อนๆ กันอยู่ เพชรแท้ล้มลง โดนเข่งกลิ้งขวางทาง พอตำรวจตามเข้ามา จึงต้องวุ่นวายเก็บเข่ง จังหวะนั้นเพชรแท้หลบไปในซอยย่อยอีกซอยหนึ่งแล้ว
ตำรวจอีกคนเก็บเข่งที่ขวางออก “ตามไป ทางนี้หมวด”
“ตามมันไป”

ในซอยย่อยที่เพชรแท้หนีเข้ามา พอมาถึงสามแยก ซึ่งตรงหน้าเป็นรั้วบ้านคน เพชรแท้มองทางซ้ายแลขวาอาการลังเล ในที่สุดตัดสินใจปีนข้ามรั้วบ้านเบื้องหน้า

ตำรวจทั้งสองเข้ามาในซอยย่อย ทว่าเพชรแท้ไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว ตำรวจทั้งสองตรงมาถึงทางแยกบ่นอุบอิบ
“มันหายไปไหนแล้ว”
“ไปตามมัน หามันให้เจอ”
ตำรวจทั้งสองแยกกันไปคนละทาง

เพชรแท้ยืนแอบอยู่หลังรั้วนั่นเอง หายใจหอบเหนื่อย คิดเครียดว่าจะหนีไปไหนต่อดี
ส่วนภายในบ้านพิณทอง พรรณียืนเครียดอยู่ ก่อนจะร้องไห้อย่างอัดอั้น โดยมีพิณทองกับผึ้งคอยปลอบใจ สำอางค์ อยู่ในบ้านด้วย พิณทองเข้าไปกอดปลอบแม่

สำอางบ่นตามประสาปากไว “ฉันได้ยินตอนแรกตกใจหมดเลย ไม่อยากจะเชื่อว่าเพชรมันจะขายยา”
พรรณีโมโหทั้งๆ ที่ยังร้องไห้อยู่ “เพชรไม่ได้ขายยานะพี่ พี่อย่ามาพูดปรักปรำลูกชายฉัน”
สำอางรีบเปลี่ยนคำพูด พร้อมกับขอโทษ “อ้าว...จ้ะๆ ไม่ได้ขายก็ไม่ได้ขาย ฉันขอโทษ”
“ฉันรู้จักลูกฉันดี ถึงแม้เพชรมันจะชอบเที่ยว ชอบกินเหล้า แต่มันก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวเรื่องพวกนี้”
“อย่างนี้ฉันว่าต้องมีคนใส่ร้ายพี่เพชรแน่ๆ เลยน้า”
สำอางค์บ่น “ใครวะ ไอ้เพชรมันก็คนดี มันจะไปศัตรูที่ไหน”
พรรณีหน้าเครียด รู้ว่าเป็นฝีมือใคร “จะมีใครถ้าไม่ใช่พวกบ้านนั้น”
สำอางค์อึกอัก “เออ...”
ยิ่งคิดพรรณียิ่งแค้น “คุณอังคณาเขาเคยบอกฉัน เขาจะจองล้างจองผลาญฉัน ไม่ให้ฉันได้ดีมีความสุข”
“ถ้าเป็นพวกเจ้านายไอ้พิณมันจริงๆ นะน้าพี่เพชรแย่แน่ จะเอาอะไรไปสู้กับเขา” ผึ้งวิตก
พิณทอง ครวญ “แม่จ๋า ...แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะจ๊ะ เราจะปล่อยให้ตำรวจจับพี่เพชรไม่ได้นะจ๊ะ”
พิณทองกอดปลอบแม่ แต่ในใจก็รู้สึกแย่ที่เรื่องกลายเป็นแบบนี้
“แม่ไม่ยอมหรอกลูก แม่ต้องทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือลูกของแม่ให้ได้”
“แม่มีวิธีหรอจ๊ะ”
คำถามของลูกสาว ทำเอาพรรณีกลุ้มใจ ครุ่นคิดหนัก
เวลาผ่านไป พรรณีตัดสินใจกดโทรศัพท์ไปที่เบอร์บ้านเลิศชัยวัฒน์ เพื่อคุยกับธานินทร์

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในห้องรับแขก หน่อยเป็นคนเดินมารับ
“ฮัลโหล นั่นบ้านเลิศชัยวัฒน์ใช่ไหมคะ? ขอพูดกับคุณธานินทร์หน่อยค่ะ”
“จะให้บอกว่าใครต้องการพูดด้วยคะ ...สักครู่นะคะ”
หน่อยกดพักสาย วางหู แล้วจะเดินออกจากห้องรับแขก อังคณาเดินสวนเข้ามาพอดี
“สายใคร”
“สายคุณผู้ชายค่ะ”
“ออกไปแล้ว ไปไหนก็ไม่รู้”
“เหรอคะ” หน่อยจะเดินกลับไปที่โทรศัพท์
อังคณาเอะใจ “เดี๋ยวก่อน...เขาบอกรึเปล่าว่าใคร”
“เขาบอกว่าชื่อพรรณีค่ะ”
อังคณาชะงัก “พรรณี”
อังคณายิ้มร้ายกาจ ในใจมีแผนการบางอย่าง สักครู่หน่อยกลับไปที่โทรศัพท์ ยกหูขึ้น กดพูดสาย
“คุณพรรณีคะ คุณธานินทร์ให้มาพบที่บ้านเลยค่ะ ท่านไม่สะดวกคุยทางโทรศัพท์ค่ะ รีบมาให้เร็วที่สุดเลยนะคะ”
“ค่ะ อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมง ฉันจะไปถึงค่ะ
พรรณีวางหูไปแล้ว หน่อยหันมาบอกกับอังคณา
“เขาบอกว่าอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงจะมาถึงค่ะ”
“ดี...จะได้คุยกันให้สนุก”
อังคณาบอกกับตัวเอง นัยน์ตาวาววามด้วยความเกลียดชัง

พรรณีซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์รับจ้างคันหนึ่งมาจอดที่หน้าประตูรั้วบ้านธานินทร์ จ่ายค่ารถ พอมอเตอร์ไซค์ขับออกไป พรรณีเดินไปที่ประตูแล้วกดกริ่ง หน่อยออกมาดู
“คุณพรรณี ใช่หรือเปล่าคะ”
พรรณีพยักหน้า “ใช่ค่ะ”
“เชิญค่ะ”
หน่อยเปิดประตูเล็กให้พรรณีเข้ามา

พรรณียืนรออยู่ในห้องนั่งเล่น สายตาสำรวจไปรอบๆ บริเวณ
ครู่ต่อมาพรรณีเงยหน้าไปเห็นรูปครอบครัวธานินทร์ขนาดใหญ่ที่ติดอยู่บนผนังบ้าน พรรณีขยับเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ระหว่างนั้นน้อยเดินเข้ามาหา
“เชิญค่ะ”
พรรณีเดินตามไป

พรรณีเดินเข้ามาในห้องหนึ่ง แต่ภายในห้องว่างเปล่า
“คุณธานินทร์” พรรณีเรียก และมองหา
ครู่หนึ่งอังคณาและชนกนันท์ก็เปิดประตูเข้ามา
“คุณธานินทร์ไม่อยู่ มีธุระอะไรคุยกับฉันก็ได้”
พรรณีหันไปเห็นอังคณากับชนกนันท์เดินมาหน้าตาหาเรื่อง
“ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับคุณ”
พรรณีหันไปจะเดินออกจากห้อง
“แต่แม่ฉันจะคุยกับแก”
ชนกนันท์เข้าไปขวางพรรณี
“ถอยไปนะ” พรรณีบอก
“แกไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน” ชนกนันท์แหวใส่
“วันนี้มีธุระด่วนอะไรอยากจะให้ผัวฉันช่วยเหลือล่ะ หรือว่าคันตรงไหน อยากไปให้ผัวฉันช่วยเกาให้” อังคณาเหยียดหยัน
พรรณีตัดสินใจ หันมาเผชิญหน้ากับอังคณา “ฉันจะมาพูดเรื่องลูกชายของฉัน เธอใช่ไหมที่ใส่ความเขา”
อังคณาทำไก๋ “ใส่ความอะไร”
“ไม่ต้องมาทำเป็นไม่รู้เรื่อง เธอให้คนเอายาเสพติดไปไว้ที่บ้านฉัน แล้วแจ้งตำรวจให้ไปค้น หาว่าลูกชายฉันขายยา”
อังคณาเย้ย “เหรอ ตำรวจไปบ้านแกแล้วเหรอ เร็วดีนี่...เป็นไง เขาเอาลูกชายแกเข้าคุกหรือยัง ที่นั่นแหละที่เหมาะกับนักเลงอันธพาลอย่างลูกแก”
พรรณีคาดไม่ผิดเป็นอย่างที่คิดจริงๆ “คุณทำจริง ๆ ด้วย”
พรรณีโกรธจัดจะเข้าไปหาอังคณา แต่ถูกชนกนันท์ล๊อคตัวไว้
“แกจะทำอะไรแม่ฉัน”
“ปล่อยฉันนะ” พรรณีชี้หน้าอังคณา “เลิกยุ่งกับลูกชายฉันได้แล้ว ไม่งั้น ...”
อังคณาสวนคำ “ไม่งั้นจะทำไม ...แกคิดว่าคนอย่างแกจะทำอะไรฉันได้เหรอ”
อังคณาตบหน้าพรรณีในทันทีสุดแรง
พรรณีจะตบกลับ แต่ชนกนันท์จับแขนไว้ได้เสียก่อน ชนกนันท์ดึงผมพรรณีไว้
“แกจะทำอะไรแม่ฉันเหรอ จะทำอะไรแม่ฉัน”
ชนกนันท์ผลักพรรณีจนล้มถลาไปกับพื้น
“บังอาจมากนะนังพรรณี แกกับฉันมันคนละชั้นกัน”
“ฉันไม่ยอมให้แกทำฉันฝ่ายเดียวหรอกนะ” พรรณีสู้ขาดใจ
พรรณีลุกขึ้นไปตบอังคณาจนเซถลาไป
ชนกนันท์เข้าไปล๊อคตัวพรรณีไว้ เชียร์ลั่น
“ตบมันเลยค่ะ ตบมันเลย”
“บังอาจนักนะ” ชี้หน้าพรรณี “ฉันจะให้บทเรียนแกที่ต้องจดจำไปตลอดชีวิต”
อังคณาตบหน้าพรรณีอีกครั้ง
“ถ้าขืนแกยังยุ่งกับคุณธานินทร์อีกล่ะก็...ฉันจะพังบ้านแก”
ขาดคำอังคณาตบพรรณีอีก พร้อมพูดขู่ อย่างวางอำนาจ
“คนในบ้านแก รวมทั้งแกด้วยก็จะต้องเดือดร้อน”
อังคณาตบซ้ำอีกฉาด ขู่คำราม
“ฉันจะตามล่าแก ทำให้แกเดือดร้อนจนถึงที่สุด จนกว่าเราจะตายจากกัน”
จังหวะนั้นพรรณีหลุดออกมาจากชนกนันท์ได้ เข้าตบอังคณาคืน อังคณาโกรธมาก
“จัดการมันเลยค่ะคุณแม่”
แล้วสองแม่ลูกก็เข้าไปรุมตบตีพรรณีอุตลุด พรรณีได้แต่ร้องขอให้คนช่วย และพยายามดิ้นรน หนีบ้าง สู้บ้าง
พรรณีร้องลั่น “ช่วยด้วย”
ชนะศึกเข้ามาพอดี ร้องเสียงหลง
“หยุดนะ หยุดนะ”
ชนะศึกต้องเข้าไปขวางระหว่างแม่กับพรรณี และน้อง
อังคณาแผดเสียง “ตาชนะ แกไม่ต้องมายุ่งนะ”
“คุณแม่จะทำอะไร” ชนะศึกมองแม่ตาขวาง
อังคณาแหวขึ้นท่าทีฉุนเฉียว “หลบไปนะตาชนะ”
“คุณพรรณี” ชนะศึกเข้าไปประคองพรรณี “ลุกขึ้นก่อนเถอะครับ คุณพรรณีออกไปก่อนครับ ออกไปก่อนจากบ้านนี้ก่อน ...นะครับ”
ชนะศึกประคองพรรณีจะเดินออกมา
“นังพรรณี แกจำไว้นะ ทุกอย่างที่ฉันพูด ฉันทำจริง” อังคณาข่มขู่ทิ้งท้าย

พรรณีรีบหนีออกไปจากห้องทันที ขณะที่ชนะศึกยืนโกรธแม่และน้องอยู่อย่างนั้น
ที่ห้องนั่งเล่นในเวลาต่อมา ชนะศึกขึ้นเสียงใส่อังคณาและชนกนันท์ ผู้เป็นมารดาและน้องสาวเรื่องที่ สองคนรุมทำร้ายพรรณี

“ผมไม่คิดเลยว่าแม่กับน้องสาวผมจะทำอะไรป่าเถื่อนแบบนี้”
“ชนะ แกเห็นเมียเก่าของพ่อแกดีกว่าแม่แท้ๆ ของแกงั้นเหรอ” อังคณาฉุน
“ไม่ใช่ครับ ผมไม่เคยเห็นใครดีกว่าแม่เลย แต่ความไร้เหตุผลป่าเถื่อนของแม่นี่ซี ที่นับวันผมยิ่งผิดหวัง”
“ไอ้ความโง่เง่า บ้าผู้หญิงของแกทำให้แม่ผิดหวังเหมือนกัน แกรู้ไหม มันมาบ้านเราทำไม มันมาหาพ่อแก...มันรู้ว่าพ่อแกหลงมัน มันก็เลยได้ใจ มันมาเหยียบย่ำหัวใจแม่ถึงที่บ้าน” อังคณาใส่ไคล้
ชนะศึกอึ้งไป ไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ อังคณาแกล้งทำเป็นเสียใจอย่างที่สุด
“พ่อแกขอหย่ากับแม่” ทำท่าจะร้องไห้ “อีกหน่อย อีสลัมนั่นก็ต้องเข้ามาอยู่ที่นี่ มาเป็นเมียใหม่พ่อแก ลูกมันก็ต้องเข้ามาด้วย ถ้าแม่ไปให้พ้นทางแกซะ แกคงดีใจใช่ไหมชนะ”
ชนะศึกรู้สึกผิด เข้าไปหาอังคณา “ไม่ใช่นะครับคุณแม่”
“ไม่ต้องมาพูด แกไม่เคยเห็นแม่ดีอยู่แล้วชนะ
“ไม่จริงครับ” ชนะศึกปฏิเสธ
อังคณาสะบัดตัว พูดตวัดเสียง “ไม่ต้อง”
“พี่ชนะ นกไม่นึกเลยนะคะว่าพี่ชนะจะอกตัญญูแบบนี้ นกเสียใจแทนแม่จริงๆ” ชนกนันท์ค้อนพี่ชาย ก่อนจะดึงมืออังคณา “คุณแม่คะ ไปกันเถอะค่ะ”
“คุณแม่ครับ”
แล้วอังคณากับนกก็เดินออกไป ชนะศึกได้แต่ยืนไม่สบายใจอยู่อย่างนั้น

พิณทองอยู่ในบ้าน ท่าทีกระวนกระวาย ก่อนจะเห็นพรรณีเดินเข้ามา
“แม่ แม่เป็นไงบ้างคะ ท่านยอมช่วยเราไหม” พอเห็นสภาพพรรณีก็ตกใจ “แม่เป็นอะไร ใครทำอะไรแม่”
“แม่ไม่เป็นอะไรหรอกลูก พิณ เราจะไม่อยู่ที่นี่แล้วนะ”
พิณทองตลึง “อะไรนะคะ”
“เราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว คุณอังคณาเขาไม่ปล่อยให้เราอยู่ดีๆ แน่ เราจะต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น เราต้องเก็บของเดี๋ยวนี้ ไปพิณ ไปเก็บของลูก”
“แม่คะ แต่ว่า...”
พิณทองตกใจ ทำอะไรไม่ถูก พรรณีไปเก็บของตัวเอง

ค่ำนั้น พิณทองไม่สบายใจ อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงตัดสินใจโทรหาชนะศึกจากตู้โทรศัพท์สาธารณะละแวกบ้าน
ชนะศึกอยู่ที่บ้านขณะรับสาย
“พิณทองเหรอ เป็นยังไงบ้าง” สุ้มเสียงชนะศึกฟังดูห่วงใย
“พิณสบายดีค่ะ คุณชนะศึกคะ วันนี้แม่ไปที่บ้านคุณ”
“ผมรู้แล้วก็ว่าจะถามอยู่ แม่คุณมาที่บ้านผมทำไม”
“แม่ไปพบท่านค่ะ...คือ พี่เพชรโดนตำรวจจับเรื่องยาเสพติดค่ะ พี่เพชรโดนใส่ร้าย แม่คิดว่า เอ่อ...คุณแม่ของคุณแกล้งเรา แม่เลยโทร.ไปหาท่านที่บ้าน ให้ท่านช่วย”
ชนะศึกอึ้ง ชายหนุ่มประมวลเรื่องราว “แม่คุณมาหาพ่อผมที่บ้านเพราะเรื่องนี้เองเหรอ...”
“ท่านเรียกไปค่ะ”
“ว่าไงนะ” ชนะศึกงง
“คือแม่โทร.ไป แต่คนที่บ้านบอกว่าท่านเรียกให้ไปคุยที่บ้าน แม่ก็เลยไป...แต่พอแม่กลับมา แม่ไม่พูดอะไรเลย สั่งพิณให้เก็บของ”
จู่ๆ มีมือใครคนหนึ่งมากระชากโทรศัพท์ออก พิณทองตกใจเมื่อเห็นเป็นพรรณี
“แม่”
“แม่บอกแล้วไงว่าให้จบกันแค่นี้” พรรณีพูดกรอกเสียงใส่โทรศัพท์ “อย่ามายุ่งกับพวกเราอีกเลยนะคะ ขอให้สิ้นเวรสิ้นกรรมกันแต่เพียงเท่านี้เถอะ” ก่อนจะวางสายไป พิณทองหน้าเสีย
“ฮัลโหล ฮัลโหล” ชนะศึกกดวางสายสีหน้าเครียดเคร่ง “คุณแม่นะคุณแม่” ชายหนุ่มรำพึงกับตัวเอง
พรรณีเสียงแข็ง “กลับบ้าน”
“แต่ว่าพิณ...”
“ไม่มีแต่ ไปเก็บของลูกได้แล้ว”
พิณทองนิ่งไม่ยอมไป
พรรณีเสียงดุ “พิณ”
พิณทองหน้าจ๋อย พรรณีเดินคุมพิณทองเดินกลับบ้านไป

พิณทองนั่งเก็บข้าวของ เอาเสื้อออกมาจากราวในตู้ เก็บใส่กระเป๋าบนเตียง ท่าทางเหมือนคนไม่มีหัวใจ พิณทองหันไปมองที่โต๊ะ ซึ่งมีกระถางกล้วยไม้ที่ชนะศึกซื้อให้ ตอนนี้ออกดอกสวยงาม เพราะพิณทองดูแลเป็นอย่างดี
พิณทองถือกระถางกล้วยไม้นั้นไว้ในมือน้ำตาคลอ ภาพตอนที่ชนะศึกซื้อกล้วยไม้ให้ผุดพรายในความคิด
“พิณขอโทษค่ะ คุณชนะศึก” พิณทองครวญคร่ำ
ภาพเหตุการณ์ตอนชนะศึกมาส่งที่บ้าน แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าพิณทองขึ้นมาหอม ตอนไปกินข้าวด้วยกัน และเหตุการณ์ตอนเลือกกล้วยไม้ ภาพเหล่านั้นผุดขึ้นในความคิดสาวน้อยเป็นระลอก

พิณทองดึงตัวเองกลับมาแล้วนั่งหน้าเศร้าอยู่อย่างนั้น
เวลาต่อมา รถขนของจอดรออยู่หน้าบ้าน หลังรถเต็มไปด้วยของที่ขนออกมาจากบ้าน พรรณีกับพิณทองเดิน หิ้วกระเป๋ากันมา สำอางตามออกมาด้วย บ่นอย่างใจหาย

“เฮ้ย ลูกชายไปทาง ลูกสาวกับแม่ไปอีกทาง น่าเวทนาจริงๆ พรรณีเอ๋ย”
“ฉันกับพิณ น่ะไม่เท่าไหร่ แต่เพชรซี ต้องหนีเขาแบบนี้คงลำบากน่าดู”
ผึ้งหน้าเศร้า “โธ่ น่าสงสารพี่เพชร คอยดูนะ ฉันจะต้องหาทางช่วยพี่เพชรให้ได้”
สำอางค์ ด่า ท่าทีฮึดฮัด “ไอ้คนพวกนี้ ใจมันดำแท้ๆ ช่างใส่ร้ายคนอื่นได้หน้าตาเฉย ถ้าลูกเอ็งไม่ผิด ทำไมไม่สู้กับมันสักตั้งล่ะ”
“ลำพังฉันเองถ้าไม่มีใครฉันไม่หนีหรอก แต่นี่ เขาขู่จะทำร้ายลูกฉันทุกคน เพชรมันก็โดนไปคนหนึ่งแล้ว แล้วถ้าเกิดมันทำอะไรพิณ ฉันจะทนได้ยังไง สู้ฉันหนีไปอย่างนี้ดีกว่า” พรรณรีล้วงกระเป๋าหยิบเงินจำนวนหนึ่งออกมา “เออพี่ ฉันฝากจ่ายค่าเช่าบ้านด้วยนะ ส่วนเจ๊วิไลฉันทิ้งจักรให้ไว้เป็นของจำนำ บอกเขาด้วยนะว่า ถ้าฉันไม่ตายเสียก่อนฉันจะกลับมาใช้หนีเขาให้หมด”
สำอางค์ รับเงินจากพรรณี สงสารเหลือเกินจนน้ำตาจะไหล “แล้วนี่รู้หรือยังว่าจะไปอยู่ที่ไหน”
พิณทองอึ้งๆ “ยังเลยจ้ะป้า แม่บอกว่าให้ไปเอาข้างหน้า”
“เฮ้ย ได้ไง ฉันรู้จักอยู่ที่นึง ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่พออยู่ได้ แล้วก็ค่าเช่าถูก เดี๋ยวจดให้ก็แล้วกัน มีปากกา กระดาษไหม”
“ฉันมีๆ”
ผึ้งรีบบอก พลางล้วงหากระดาษ และปากกาในกระเป๋าสะพาย เมื่อเจอก็ส่งให้สำอางค์
สำอางค์จดที่อยู่ให้พรรณี
“ไปตามทางนี่แหละ”
พรรณีกับพิณทองเดินมาที่หน้ารถ สำอางค์เดินตามมาด้วย
“พี่ ฉันขอบใจมากนะ ฉันขอฝากพี่อีกเรื่องนึงนะจ๊ะ ถ้าหากเพชรติดต่อมาเมื่อไหร่ พี่ช่วยบอกมันด้วยนะว่าฉันกับพิณไปอยู่ที่ไหน”
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะบอกมันให้ ไปดีเถอะ” สำอางค์รับปาก
“แล้วติดต่อกลับมาบ้างนะพิณ” ผึ้งกำชับ
พิณทองไหว้ป้าสำอาง “ป้า ขอบคุณมากนะคะ” แล้วหันไปหาผึ้ง “ฉันไปแล้วนะ”
สำอางค์กำชับ “ดูแลแม่ด้วยนะ โชคดี”
พรรณีบอกลาหน้าเศร้า “ฉันไปนะ”
“มีอะไรโทร.มานะพิณ” ผึ้งบอก
พรรณีพูดกับป้าสำอางค์ และผึ้ง “ฉันกับลูกลาล่ะ”
ครู่หนึ่งพรรณีและพิณทองขึ้นรถไป

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 6 วันที่ 6 พ.ย. 55

เค้าโครงเรื่อง : ทีมเอ็กแซ็กท์
บทโทรทัศน์ : กษิดินทร์ แสงวงษ์ , ศิริลักษณ์ ศรีสุคนธ์
กำกับการแสดง : นิพนธ์ ผิวเณร
อำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร, ถกลเกียรติ วีรวรรณ
แนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ออกอากาศ : จันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 5
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่มตอนแรกอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ที่มา manager.co.th