อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 5/3 วันที่ 5 พ.ย. 55

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 5/3 วันที่ 5 พ.ย. 55

ขณะที่อังคณาอ่านหนังสือสบายใจอยู่ ธานินทร์เข้ามาในห้องนั่งเล่นในมือถือซองใส่เอกสาร อังคณาเงยหน้าขึ้น หน้าตาเฉยเมย
“คุณให้คนไปพังบ้านพรรณีใช่ไหม” ธานินทร์ถามเสียงขุ่น
“รู้ข่าวเร็วดีนี่” อังคณาหน้าระรื่นมีความสุข “ใช่ ฉันทำ อยากไปปลอบใจมันไหมล่ะ ไปเลย พรุ่งนี้ฉันจะได้ส่งคนไปอีกรอบ”
ธานินทร์ตวัดเสียง “คุณจะทำไปทำไม”
อังคณาพูดไม่ยี่หระ “ฉันพอใจ”
ธานินทร์มองอังคณาอย่างเกลียดชัง แล้วหยิบซองเอกสารซองที่ถือมาเปิดซองออก หยิบกระดาษชุดหนึ่งออกมา แล้วยื่นให้อังคณา

“เอ้า เซ็นนี่ซะ แล้วทุกอย่างจะได้จบ”
อังคณางง “อะไร”
“หนังสือหย่า”
อังคณานิ่งไปนิดหน่อย แล้วเอาเอกสารนั้นมามองคร่าว ๆ แล้วมองธานินทร์ อย่างแค้นใจ
“อยากจะไปเสวยสุขด้วยกันเต็มทีแล้วล่ะซีนะ แต่เสียดาย ฉันคงช่วยอะไรไม่ได้”
“เราอยู่กันไม่ได้ ให้มันจบแค่นี้เถอะ อังคณา” ธานินทร์บอก
“ไม่ ฉันไม่จบ สงครามระหว่างฉันกับมันเพิ่งจะเริ่ม! มันทำชีวิตฉันล้มเหลว มันต้องชดใช้ ตัวคุณก็เหมือนกัน”
“คุณจะทำอะไรอีก” ธานินทร์จ้องหน้า
“ฉันจะทำทุกอย่างให้คุณไม่มีวันได้อยู่ร่วมกับมัน คุณกับมันไม่มีทางสมหวัง ฟังนะคุณธานินทร์ ถ้าฉันไม่มีความสุข ก็อย่าหวังว่าคนอื่นจะมี”



อังคณาประกาศกร้าว แล้วฉีกเอกสารออกเป็นชิ้นๆ ปาใส่ธานินทร์
“คุณไม่มีทางชนะฉันได้ จำไว้”
อังคณาเดินหนี ธานินทร์เดินตาม โกรธสุดขีด
“แต่ผมไม่มีวันยอมแพ้” อังคณาหยุดชะงัก “คุณไม่ยอมเซ็นใบหย่าก็ตามใจ อังคณา แต่ผมจะเอามาวางตรงหน้าคุณทุกวันๆๆๆ จนกว่าคุณจะเซ็น หรือจนกว่าเราจะตายจากกัน ถ้าคุณไม่อยากจะมีความสุขล่ะก้อได้! ผมจะเป็นนรกให้คุณเอง”
ขาดคำธานินทร์เดินหนีออกไป
อังคณาโกรธ ตะโกนตามหลัง “ไอ้ผัวชั่ว ไอ้ผัวสารเลว เลวไม่มีชิ้นดีเลย ไอ้คนทรยศ”

จังหวะนั้นชนกนันท์วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหา
“คุณแม่คะ คุณแม่เกิดเรื่องแล้วค่ะ”
อังคณาเสียงอ่อนลง “อะไร มีอะไร”
“พี่ชนะค่ะ พี่ชนะเข้าโรงพยาบาล”
อังคณาตกใจ “เป็นอะไร ทำไมต้องเข้าโรงพยาบาล”
“พี่ชนะแขนหักค่ะ พี่หมอบอกว่าพี่ชนะถูกพี่ชายของนังพิณทองทำร้ายค่ะ”

อังคณาตกใจ ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนเป็นถมึงทึง โกรธจัดกับข่าวร้ายที่ได้ยิน
ภายในห้องพักฟื้นคนไข้ พยาบาลพาชนะศึกมานั่งลงที่เตียง แขนชนะศึกข้างที่หักเข้าเฝือกอยู่

“เจ็บมากไหมคะ” พิณทองถาม
“ไม่เป็นไร คุณหมอเขาฉีดยาให้ผมแล้ว แล้วก็ให้กินยาแก้ปวดไปแล้วด้วย เดี๋ยวก็หาย”
“พิณขอโทษคุณจริงๆ นะคะ ที่คุณชนะต้องมาเป็นแบบนี้”
“จะขอโทษทำไม ผมต่างหากต้องขอโทษพวกคุณ” ชนะศึกครุ่นคิด “ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไม แม่ผมถึงให้คนไปพังบ้านคุณ ทำไมท่านถึงเกลียดชังครอบครัวคุณมากนัก ทั้งๆ ที่ผมก็อธิบายแล้วว่าคุณพ่อไม่ได้มีอะไรกับคุณ”
“ท่านคงไม่เชื่อค่ะ”
ชนะศึกคิดไปคิดมา “แต่ผมว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น ต้องมีอะไรสักอย่างแน่”
“พิณว่าคุณอย่าเพิ่งคิดเลยค่ะ พักผ่อนก่อนดีกว่า คุณชนะหิวอะไรไหมคะ อยากได้อะไรไหม”
“ผมหิวน้ำ ขอน้ำเปล่าก็แล้วกัน”
พิณทองยิ้มกว้าง “ได้ค่ะ”
พิณทองหันรินน้ำจากขวดใส่แก้ว แล้วถือแก้วน้ำมาให้ชนะศึก ชนะศึกลืมตัว ยกแขนข้างที่เข้าเฝือกขึ้นมารับจึงทำให้น้ำหกใส่เสื้อ
“ขอโทษค่ะๆ”
พิณทองรีบเดินไปหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดให้ชนะศึก
“เลอะหมดเลยอ่ะ”
พิณทองก้มหน้าก้มตาเช็ดให้ชนะศึกต่อ ชนะศึกมองดูพิณทอง ทั้งคู่สบตากัน พิณทองอายม้วน
จังหวะนั้นเองชนกนันท์กับอังคณาเปิดประตูห้องเข้ามา ชนะศึก และพิณทองตกใจ
“คุณแม่”
พิณทองไหว้อังคณากับชนกนันท์
“สวัสดีค่ะ”
ชนะศึกพูดเบาๆ กับพิณทอง “เธอกลับไปก่อนไป”
พิณทองพยักหน้ารับ แล้วจะออกจากห้อง
“เดี๋ยว” พิณทองชะงัก อังคณาจดสายตาจ้องหน้าพิณทองนึกสังหรณ์ใจ “เธอเป็นใคร”
พิณทองอึกอัก หันมามองชนะศึก
“ลูกน้องผมที่บริษัทน่ะครับ” บอกพิณทอง “กลับไปทำงานได้แล้วไป”
พิณทองจะออกไป
“ยัง” อังคณาเข้ามาขวาง ถาม “ชื่ออะไร”
พิณทองบอกเสียงแผ่วเบา “พิณทองค่ะ”
อังคณาตกใจเมื่อรู้ว่าเป็นพิณทอง เล่นงานทันที
“พิณทอง! ฉันนึกไม่มีผิดเลย แกมาทำอะไรที่นี่ จะมาหลอกลูกฉันอย่างนั้นเหรอ”
“คุณแม่ครับไม่เอาน่ะ” ชนะศึกดึงอังคณาออกห่างพิณทอง รีบบอกให้ไป “พิณทองเธอกลับไปได้แล้ว”
พิณทองกำลังเดินออก อังคณาเข้ามาขวาง
“ไม่ให้กลับ บอกฉันมาก่อน พี่ชายแกเป็นคนทำลูกฉันใช่ไหม”
ชนะศึกอึ้ง “คุณแม่พูดอะไร นี่มันอุบัติเหตุนะครับ”
ชนกนันท์แหวขึ้นมา “พี่ชนะไม่ต้องยุ่งเลยนะ นี่มานี่” เข้าไปจับแขนพิณทอง กระชากออกหากจากชนะศึก “แม่ฉันถามทำไมไม่ตอบ”
ชนะศึกเข้าไปขวางระหว่างชนกนันท์กับพิณทอง “นก อย่าทำอะไรเขานะ”
อังคณาโกรธจัด ดึงชนะศึกออกมา “ชนะมานี่นะ พี่ชายมันทำลูกขนาดนี้แล้ว ยังจะช่วยมันอีกเหรอ”
ชนกนันท์บีบแขนพิณทองแรงขึ้น พิณทองร้องอย่างเจ็บปวด
“โอ๊ย ปล่อยค่ะ ฉันเจ็บ”
ชนะศึกขอร้อง “คุณแม่ครับ ปล่อย...นก หยุด”
พิณทองสะบัดจนชนกนันท์กระเด็นออกไป
“โอ้ย นี่แกสู้เหรอ สู้ใช่ไหม”
อังคณาเสียงดัง “เอามัน ลูก”
ชนกนันท์โผนเข้ามาตบพิณทองฉาดใหญ่
“นก”
ชนะศึกยืนตะลึง จะเข้าไปช่วยพิณทองแต่อังคณาจับแขนไว้
ชนกนันท์จะตบพิณทองซ้ำอีกครั้ง ชนะศึกสลัดหลุดจากอังคณาเข้ามาห้าม
ชนะศึกดุ “นก” พร้อมกับจับแขนน้องสาว “หยุดนะ อย่าทำอะไรเขานะ”
อังคณาแผดเสียง “ชนะแกนั่นแหละหยุด” พร้อมกับเข้าไปดึงชนะศึกออก “แกยังไม่รู้ใช่ไหม ว่าพวกมันทำอะไรเรา”
“เขาไม่ได้ทำอะไรเลย คุณแม่ต่างหาก...ผมรู้นะเรื่องที่แม่ส่งคนไปพังบ้านเขา”
อังคณากรี๊ด “เพราะแม่ของมันมาหลอกพ่อของลูก เหมือนกับที่มันกำลังหลอกลูกนั่นแหละ วิเศษไหมล่ะ นังแม่ก็เอาพ่อ นังลูกก็จะเอาลูกเนี่ย”
ชนะศึกชะงักกึก พิณทองเองก็เหมือนกัน
“คุณแม่พูดเรื่องอะไร”
“นังแม่มัน” อังคณาโมโหหนัก “เป็นเมียเก่าพ่อแกเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว แล้วตอนนี้นังแม่มันก็จะเอาพ่อไปจากแม่”
ชนะศึกกับพิณทองตกใจทั้งคู่
“ไม่จริง ผมไม่เชื่อ” ชนะศึกว่า
“ไม่เชื่อก็ถามมันดูสิ ว่าแม่มันยุ่งกับพ่อจริงหรือเปล่า” ชนกนันท์บอก
ชนะศึกหันมามองพิณทองรอฟัง
“พิณไม่ทราบค่ะคุณชนะศึก”
อังคณาด่าเสียงดัง “โกหก ตอแหล แกกับแม่แกมันเลวพอกันเลย แกบอกฉันมาสิ แกเข้ามาในบริษัทนี้ทำไม แม่แกเป็นคนสั่งมาใช่ไหม”
อังคณาตรงเข้าทำร้ายร่างกายพิณทอง ชนะศึกพยายามห้าม
“คุณแม่อย่านะครับ” หันมาบอกพิณทอง “พิณทองออกไปก่อน หนีไปก่อน”
ชนะศึกดึงพิณทองออกมา พิณทองรีบวิ่งหนีออกจากห้องไป
อังคณาโมโห “ชนะทำไมทำแบบนี้”
ชนกนันท์แหวใส่พี่ชาย “พี่ชนะ นี่พี่ชนะเห็นนังนั่นดีกว่าแม่เหรอ”
“ไม่ใช่” ชนะศึกบอกอังคณา “แต่ผมไม่ชอบให้แม่ทำร้ายคนบริสุทธิ์ พิณทองกับครอบครัวเค้าไม่ได้เป็นอย่างที่แม่ว่า”
อังคณามองชนะศึกน้ำตาคลอเบ้า บอกลูกชายอย่างเจ็บใจ
“ถ้าแกไม่เชื่อแม่ ก็ลองไปถามพ่อแกดูสิ ว่าวันนี้ ที่เค้าขอหย่ากับแม่น่ะ มันเพราะใคร”

ชนะศึกอึ้ง รู้สึกสับสนกับสิ่งที่อังคณาพูด
ค่ำคืนนั้น ธานินทร์อยู่ในห้องทำงานที่บ้าน ครู่หนึ่งจึงเห็นชายวัยกลางคนเดินมาหยุดยืนที่หน้าต่าง พูดขึ้นด้วยท่าทางและสุ้มเสียงไม่สบายใจนัก

“พ่อกับพรรณี แม่ของหนูพิณทองเคยรักกัน...แต่มันยี่สิบปีมาแล้ว”
ที่แท้ชนะศึกนั่งอยู่ห่างออกมา แขนเขายังเข้าเฝือกอยู่ ขณะลุกเดินมาหาธานินทร์ ย้อนถามเสียงขุ่น จับสำเนียงได้ว่าไม่พอใจนิดๆ
“พ่อเลยคิดว่าจะกลับไปหาเขา งั้นเหรอครับ”
ธานินทร์หันไปหาสายโลหิตของตน พยายามอธิบาย
“เปล่าเลย แม่ของลูกเขาเข้าใจผิดไปเอง พ่อไม่เคยคิดจะทำอย่างนั้น พ่อแค่อยากทำอะไรดีๆ ให้เขาบ้าง แค่นั้นเอง ชีวิตของพวกเขาลำบากเหลือเกิน ลูกก็ไปเห็นมาแล้วนี่”
“ถ้างั้น พ่อก็อธิบายให้แม่ฟังซีครับ”
“แม่เขาไม่เคยฟังอะไรพ่อทั้งนั้น” ชนะศึกนิ่ง รู้นิสัยแม่ดีอยู่ ธานินทร์บอกต่ออีก “เขาทำร้ายจิตใจพ่อเหลือเกิน จนพ่อทนไม่ไหวแล้ว พ่อถึงได้ตัดสินใจ ทำสิ่งที่พ่อไม่เคยคิดทำมาก่อน”
ชนะศึกต่อคำให้ “พ่อเลยจะหย่ากับคุณแม่”
ธานินทร์ตบไหล่ลูกชาย “ขอโทษนะลูก พ่อขอโทษจริงๆ ที่มันต้องเป็นแบบนี้”
ธานินทร์เดินออกไป ปล่อยชนะศึกให้ยืนนิ่งเสียใจอยู่อย่างนั้น

ขณะที่ชนะศึกเจ็บปวดใจอยู่นั้น ด้านอังคณากับชนกนันท์ยังอยู่ในห้องนั่งเล่น
“ไม่มีทางหรอก แม่ไม่ยอมหย่าหรอก จะอยู่ให้มันคาราคาซังไปแบบนี้แหละ” น้ำคำอังคณาแน่วแน่ ในท่าทางนิ่งร้ายนั้น
ชนกนันท์ยุส่ง “ดีค่ะ นกก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าแก่ขนาดนี้ มันยังจะหน้าด้านมาเป็นเมียน้อยเค้ารึเปล่า”
อังคณาสะท้อนใจพูดบ่นพร่ำ “พ่อแกโกรธแม่มาก ตอนนี้ชนะก็พลอยโกรธแม่ไปอีกคน ตอนนี้ก็คงหลงมันทั้งพ่อทั้งลูกเลยแหละ”
“แล้วคุณแม่จะทำยังไงคะ จะนั่งรอ...”
ชนกนันท์พูดไม่ทันจบ อังคณาก็สวนคำออกมา “ไม่! คนอย่างแม่เหรอจะนั่งอยู่เฉย ๆ ยิ่งพ่อรักมันมากเท่าไหร่ แม่ก็จะยิ่งตามรังควานมันมากขึ้นเท่านั้น คนบ้านนั้นมันจะไม่มีทางมีความสุขได้หรอก คอยดูสิ”
อังคณาคิดแค้น แววตาวาววามเต็มไปด้วยความมั่นใจในแผนการที่มีอยู่ และไม่ดีต่อครอบครัวสามชีวิตของพรรณีแน่!

พอพรรณีรู้เรื่อง จึงกำลังต่อว่าเพชรแท้ที่กำลังดื่มน้ำอยู่ในครัว
“แม่บอกแล้วไง เพชร ว่าอย่าไปมีเรื่อง”
“เพชรไม่ได้ไปหาเรื่อง เพชรแค่ไปบอกพวกมันว่า อย่ามายุ่งกับพวกเราอีก ไม่งั้นเจอดีแน่”

พรรณีฟังแล้วอึ้ง จ้องหน้าลูกชายเลือดร้อน “เจอดี! หมายความว่ายังไง เพชรจะไปทำอะไรเค้า”
“ยัง! เพชรแค่ด่ามัน ที่ปล่อยให้เมียมาระรานชาวบ้านเขาแบบนี้...เพชรเกือบต่อยมันแล้ว รู้ไหมแม่ แต่เกรงใจเห็นว่ามันแก่”
คราวนี้พรรณีตกใจ บอกแกมสั่งออกไป “เพชร ทำอย่างงั้นได้ยังไง ไหนสัญญากับแม่แล้วไง”
“เพชรก็แค่คิด ยังไม่ได้ทำซะหน่อย” เพชรแท้ฟังและเห็นกิริยาแม่แล้วนึกสงสัย “นี่แม่จะไปห่วงมันทำไมนักหนา”
พรรณีอึ้งไป ก่อนจะพูดน้ำเสียงจริงจัง “เพชรฟังแม่นะ เพชรอย่าได้คิดทำร้ายผู้ชายคนนั้นอีกเป็นอันขาดนะ” ผู้เป็นบุตรชายถอนหายใจอย่างเบื่อๆ พรรณีขอคำมั่น “สัญญาได้ไหม”
เพชรแท้ยิ่งเซ็งหนัก “ถามจริงเถอะแม่ ทำไมต้องขนาดนี้เนี่ย เพราะอะไร” วาจาหนุ่มจอมระห่ำเปลี่ยนเป็นประชด “มันเป็นอะไรกับเราหรือว่ายังไง”
เพชรแท้มองหน้าแม่หาคำตอบที่ตนไม่เข้าใจ พรรณีได้แต่อึ้ง...น้ำท่วมปาก
จังหวะนั้นที่ประตูห้องครัว เสียงพิณทองดังเข้ามาก่อนไป
“เพราะแม่เคยรู้จักกับท่านมาก่อน ใช่ไหมจ๊ะ”
พรรณีหันขวับไปมองพิณทองหน้าเสีย ขณะที่เพชรแท้งวยงง
“ท่านไหน”
“ก็คุณธานินทร์ พ่อคุณชนะศึกไง พี่เพชร...วันนี้พิณเจอคุณอังคณา เขาหาว่าแม่เคยเป็นเมียเก่าของท่าน มันจริงหรือเปล่าจ๊ะแม่”
เพชรแท้หันมามองหน้าพรรณี ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่พิณทองพูด พรรณีอึดอัด

ในเวลาต่อมา พรรณีทรุดตัวลงนั่งที่ชุดรับแขก พิณทองกับเพชรแท้มานั่งลงด้วย
“เมื่อยี่สิบปีก่อน หลังจากที่คุณยายเสีย แม่ก็เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ แม่ได้งานเป็นช่างเย็บผ้า ที่ร้านตัดเสื้อแห่งหนึ่งแถวท่าพระจันทร์ และที่นั่นแม่ได้เจอกับเขา”
ภาพเหตุการณ์เมื่อวันวาน ผุดแทรกเข้ามาในความคิดคำนึงพรรณี

เป็นเหตุการณ์ตอนที่ธานินทร์เอาเสื้อมาให้พรรณีเย็บ และเริ่มวนเวียนแวะมาหาเธออีกหลายครั้ง ท่าทีสนิทสนมกันเพิ่มขึ้น
เสียงพรรณีดังแทรกขึ้น
“เขาเป็นนักศึกษา คณะเศรษฐศาสตร์ เขาสุภาพอ่อนโยน เขาดีกับแม่มาก ถึงแม้ว่าเราต่างกัน”
พรรณีดึงตัวเองกลับมาในปัจจุบัน สามคนยังคงนั่งคุยกันต่อ
“แต่ความสุขที่แม่ได้รับจากเขาตอนนั้น ทำให้แม่ลืมทุกอย่างไป....จน...”
พรรณีมองไปทางเพชรแท้ด้วยสายตาเศร้าสร้อย ใบหน้าหม่น ก่อนจะเงียบเสียงลงหยุดเล่าไปเฉย
“เขาคือท่านเหรอจ๊ะแม่”
พรรณีพยักหน้า
เพชรแท้หงุดหงิด “ไม่อยากจะเชื่อ”
“แล้วมันเกิดอะไรขึ้นคะแม่...ทำไมแม่กับท่านถึงไม่...”
“พ่อเขาไม่เห็นด้วย ไม่ต้องการให้ลูกชายเขามาอยู่กินกับช่างเย็บผ้าจน ๆ อย่างแม่ เราจึงต้องแยกจากกัน”
“วันนั้นมันทำให้แม่เสียใจ แล้ววันนี้มันยังมีหน้ามาทำอีก”
“ไม่นะ เพชร ถึงตอนนั้นแม่จะผิดหวัง แต่แม่ก็เข้าใจดีทุกอย่าง ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้ มันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดฝันเสมอไป เราต้องยอมรับความจริง ต้องอยู่กับมันให้ได้ อย่างน้อยก็มีสิ่งหนึ่งที่อยู่กับแม่ตลอดไป”
“อะไรคะ”
พรรณีนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วหันมองมาทางเพชรแท้ แล้วยื่นมือมาลูบหัวเพชรเบาๆ “ความทรงจำดีๆ ไง หลังจากนั้นไม่นาน แม่ก็ได้เจอกับพ่อของลูก สุภาพบุรุษที่ไม่คิดรังเกียจผู้หญิงที่...ไม่มีค่าอะไรอย่างแม่”
“แล้วก็มีพี่เพชรกับพิณ”
พรรณีนิ่งไปนิดหน่อย “จ้ะ แม่มีครอบครัวที่มีความสุข ถึงแม้เราจะจน แต่ก็มีความสุข” หยุดไปนิดหน่อย
“จากนี้ไป เราจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับครอบครัวเขาอีกแล้ว เราจะมีแค่เราสามคนแม่ลูก ทำบ้านของเราให้มีแต่ความสุขกันนะลูกนะ”
พรรณีดึงเพชร และพิณทองมากอด
ทั้งเพชรแท้และพิณทองต่างก็มีความรู้สึกแตกต่างกันออกไป เพชรแท้ยังนึกชิงชังทางบ้านชนะศึกอยู่

ส่วนพิณทองนั้นใจหายและอึดอัด ที่เธอจะไม่ได้ติดต่อบ้านนั้นอีกแล้ว
ชนะศึกใส่เฝือกนั่งอยู่ในห้องโถงบ้าน อังคณาเดินวนอยู่รอบๆ พูดกดดันอย่างหนัก

“ลูกต้องเลิกยุ่งกับมัน”
“เขาทำงานให้ผม เป็นเลขาฯ ของผม”
“นั่นมันเป็นแค่ข้ออ้าง...อย่านึกว่าแม่รู้ไม่ทัน ว่าทั้งลูกทั้งพ่อ ต้องการจะอุปถัมภ์ค้ำชูพวกมัน...ไล่มันออกไป แล้วห้ามติดต่อกับมันอีก”
ชนะศึกถามทันที “เพราะอะไรครับ แม่” อังคณามองหน้าลูกชายอย่างไม่พอใจ “โอเค ผมเข้าใจ แม่ไม่พอใจคุณพรรณีเรื่องพ่อ แต่พิณทองเค้า...”
“เรื่องของแกกับนังเด็กคนนั้น อีกไม่นานก็จบ” อังคณาพูดเหมือนมีแผนในใจ “ต่อให้แกไม่เลิกคบกับเค้า เค้าก็ต้องเลิกคบกับแก อีกไม่นานหรอก...”
“ทำไมครับ” เอะใจ “หรือแม่จะทำอะไรพวกเค้า แม่ครับ แม่”
อังคณายิ้มร้ายแล้วเดินหนีไป ชนะศึกหวาดกลัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น

ยามเย็น เรืองโรจน์รับโทรศัพท์อยู่ที่โต๊ะทำงานในออฟฟิศ ปลายสายเป็นอังคณานั่นเอง
“ครับ คุณอังคณา รับรอง คุณอังคณาไม่ผิดหวังแน่...”

กลางดึกวันนั้น พระจันทร์เต็มดวงลอยเด่นอยู่กลางฟ้า ในบ้านพิณทอง และบริเวณบ้านเรือนข้างเคียงภายในซอย ปิดไฟมืดหมดแล้ว

ครู่หนึ่งร่างตะคุ่มๆ ของชายสองคนปรากฏขึ้น ชายทั้งสองแอบอยู่ข้างรั้วบ้านพิณทอง มองเข้าไปในบ้านเห็นบ้านมืดสนิท
ชายคนหนึ่งปีนเข้ารั้วบ้านไป ขณะที่อีกคนคอยดูต้นทางให้
อีกครู่เดียวชายคนที่ปีนรั้วเข้าไป ก็ปีนรั้วกลับออกมา พยักหน้ากับชายที่รออยู่ แล้วทั้งสองก็ออกไปท่ามกลางความมืดมิดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เช้าวันต่อมา ผึ้งเดินมาซื้อน้ำเต้าหู้บริเวณตลาดนัดละแวกบ้าน ครู่หนึ่งมีตำรวจสองคนเดินตรงมาที่ร้านขายกาแฟข้างๆ
“น้ำอะไรดีจ๊ะพี่ตำรวจ” คนขายถามเสียงหวาน
ตำรวจคนแรกซึ่งยศสูงกว่าหันไปถามตำรวจลูกน้องอีกคน “เอาน้ำไหม”
ตำรวจลูกน้องส่ายหน้า “ไม่ดีกว่าหมวด”
หมวดจึงหันมาสั่งน้ำ “กาแฟเย็นแก้วนึง”
“ได้จ้ะ”
คนขายหันไปทำกาแฟให้
ตำรวจผู้หมวดถามคนขายน้ำ “เออ รู้จักบ้านคนชื่อเพชรไหม เพชรแท้ที่ทำงานอยู่สปอร์ตคลับน่ะ”
ผึ้งเห็นตำรวจถามหาเพชรแท้ ก็ร้อนใจ เงี่ยหูฟัง
“อ๋อ พี่เพชรน่ะเหรอ มีอะไรหรือเปล่า” คนขายน้ำสงสัย
“พอดีแวะมาแถวนี้ อยากจะคุยกับมันหน่อย รู้แต่ว่าอยู่ซอยนี้ แต่ไม่รู้ว่าหลังไหน” ผู้หมวดบอก
“ไม่ยากเลย พี่เดินเข้าไปในซอยนี้นะ บ้านมันมีป้ายรับตัดเย็บเสื้อผ้าอยู่หน้าบ้าน หาไม่อยากจ้ะ” คนขายน้ำว่า

ครู่ต่อมาผึ้งกำลังวิ่งลัดเลาะเข้าไปในซอยทางลัด ที่ทั้งแคบและคดเคี้ยวอย่างเร็วรี่

ไม่นานนักผึ้งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาภายในบ้านพิณทอง
“พี่เพชร พี่เพชร”
พรรณีกับพิณทองออกมาจากในครัว
“มีอะไรเหรอผึ้ง” พิณทองถาม
“พี่เพชรล่ะ” ผึ้งไม่ตอบ
พรรณีตะโกนขึ้นไปเรียก “เพชรเอ๊ย”
เพชรแท้เดินลงบันไดมาจากชั้นบน
“มีอะไร”
ผึ้งรีบบอก “พี่เพชร เกิดเรื่องใหญ่แล้ว มีตำรวจมาตามหาพี่”
พรรณีชะงัก “ว่าไงนะ ตำรวจอะไร”
“ก็ตำรวจน่ะซี น้าก็...ฉันเห็นเขามาถามหาบ้านน้าที่หน้าปากซอย สงสัยบ้านเจ้านายพิณมันไปแจ้งตำรวจเรืองพี่ทำร้ายลูกชายมันแขนหักแน่ ๆ เลย”
เพชรแท้ไม่สะหวั่นเกรง “มันจะเอาตำรวจมาจับพี่เหรอ มาจับเลย ไม่กลัวอยู่แล้ว จะได้แจ้งข้อหาบุกรุกบ้านคนอื่นกับมันด้วย”
พรรณี เอ็ด “เพชรพูดเป็นเล่นไปได้”
“เพชรไม่ได้พูดเล่น เพชรไม่ผิด เพชรไม่กลัว”
จังหวะนั้นเสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น
“สงสัยมาแล้ว” ผึ้งตื่นตระหนก วิ่งไปดูที่หน้าต่าง “มาจริงๆ ด้วย พี่เพชร หนีเถอะ”
“หนีทำไม”

พูดแล้วเพชรแท้ก็เดินออกไปหน้าบ้าน อย่างไม่สะทกสะท้าน
เพชรแท้เดินออกมาที่หน้าบ้านอย่างมั่นใจ ขณะที่ตำรวจสองนายเมื่อครู่นี้มายืนรออยู่ และที่หน้าบ้านมีมอเตอร์ไซค์เพชรแท้จอดอยู่ พรรณี พิณทอง และผึ้งตามออกมาด้วย

เพชรแท้ถาม “มาหาใคร”
“ใช่บ้านนายเพชรหรือเปล่า” ตำรวจลูกน้องถาม
“ถ้าใช่แล้วทำไม” หนุ่มเลือดร้อนบอกกวนๆ
ผู้หมวดตำรวจเอาหมายค้นออกมาให้ดู “พวกผมเป็นเจ้าหน้าที่ ปปส. ผมมีหมายค้นด้วย”
พรรณีประหลาดใจ “คุณจะมาค้นหาอะไรคะ บ้านนี้ทำมาหากินสุจริต ไม่มีอะไรผิดกฎหมายหรอก”
“ไม่ได้จะมาจับผม เพราะทำนายชนะศึกแขนหักเหรอ” เพชรแท้งง
“ชนะศึกที่ไหน ไม่เกี่ยว ขอค้นด้วยครับ” ตำรวจ 1 ใน 2 ว่า
เพชรแท้ท้าทาย “เอาเลยครับ อยากค้นอะไรก็ค้นเลย ตามสบาย”
ผู้หมวดเอาหมายค้นให้พรรณีดู “นี่ครับหมายค้น”
จากนั้นตำรวจทั้ง 2 ก็แยกย้ายกันไปดูทั่วๆ บริเวณหน้าบ้าน
พรรณีอ่านหมายค้น พิณทองกับผึ้งมาช่วยดูด้วย
พิณทองอ่านออกเสียง “สงสัยว่าเป็นผู้ค้ายาเสพติด”
พรรณีตกตะลึง “อะไรกันเนี่ย”
ตำรวจทั้งสองคนกำลังค้นบ้านอยู่
เพชรแท้บอกกับตำรวจทั้งสอง “เป็นไงครับ เจออะไรบ้างหรือยัง”
“ขอค้นในบ้านด้วย” ผู้หมวดว่า
เพชรแท้ท้า “เอาเลยครับ ตามสบายเลย” ก่อนจะเดินมาที่รถมอเตอร์ไซค์ตน

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 5/3 วันที่ 5 พ.ย. 55

เค้าโครงเรื่อง : ทีมเอ็กแซ็กท์
บทโทรทัศน์ : กษิดินทร์ แสงวงษ์ , ศิริลักษณ์ ศรีสุคนธ์
กำกับการแสดง : นิพนธ์ ผิวเณร
อำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร, ถกลเกียรติ วีรวรรณ
แนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ออกอากาศ : จันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 5
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่มตอนแรกอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ที่มา manager.co.th