อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 13/2 วันที่ 22 พ.ย. 55

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 13/2 วันที่ 22 พ.ย. 55

วันต่อมาภายในห้องประชุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายตำรวจระดับนายพลนั่งเป็นประธาน พร้อมกับตำรวจชั้นผู้ใหญ่อีก 2-3 นาย อังคณา ชนะศึก และชนกนันท์ นั่งอยู่ด้วย มีนักข่าว ช่างภาพ และช่างกล้องอีกหลายคนอยู่ในห้องแถลงปิดคดี
“กล่าวโดยสรุปก็คือ คดีจ้างวานฆ่านายธานินทร์ เลิศชัยวัฒน์ มีผู้กระทำความผิดคือนายเรืองโรจน์ อธิกร ที่ว่าจ้างให้นายพิชัย ชื่นจิตร สังหารนายธานินทร์ ด้วยการลอบยิงด้วยปืน และวางเพลิงเผาซ้ำอย่างโหดเหี้ยม เพื่อเป็นการอำพรางคดี” นายตำรวจใหญ่แถลงปิดคดี

สีหน้าชนะศึก และชนกนันท์มองไปที่อังคณาอย่างเจ็บปวดและผิดหวัง สะท้อนใจว่าแม่ทำกับพ่ออย่างนั้นได้อย่างไร อังคณานั่งนิ่ง ไม่ยอมสบตาใคร
“ตำรวจได้จับตัวนายพิชัย ชื่นจิตร ได้แล้ว และได้ติดตามจับกุมนายเรืองโรจน์ ผู้บงการอยู่เบื้องหลัง แต่นายเรืองโรจน์ได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุไปแล้ว ระหว่างการหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ...”



ชนกนันท์มองหน้าอังคณา คิดในใจว่าเป็นอุบัติเหตุจริงหรือ...อังคณาหันมาสบตาเข้าพอดี ชนกนันท์รีบเมินหนีไปทางอื่น
“หน้าที่ของตำรวจตอนนี้ ก็เหลือเพียงดำเนินคดีกับนายพิชัย ชื่นจิตร มือปืนต่อไป คดีนี้ก็เป็นอันปิดลงได้อย่างรวดเร็วครับ ขอขอบคุณสื่อมวลชนทุกแขนงที่ให้ความช่วยเหลือในการสืบสวนคดีนี้ด้วย” นายตำรวจกล่าวปิดท้าย
อังคณาลอบถอนใจเบาๆ อย่างโล่งอก ชนะศึกปรายตามองอังคณา สีหน้าเศร้าใจ

ไม่นานต่อมา อังคณา ชนะศึก และชนกนันท์เดินออกมาที่หน้าอาคารสำนักงานฯแล้ว มีนักข่าวอีก 2-3 คน ตามมาขอสัมภาษณ์
“คุณอังคณารู้สึกยังไงบ้างคะ”
อังคณายิ้ม “ก็...ดีใจค่ะ ที่ทุกอย่างจบลงได้ด้วยดี”
นักข่าวอีกคนถามต่อ “มีอะไรจะกล่าวเกี่ยวกับคดีนี้ไหมคะ”
“ดิฉันขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุก ๆ ท่าน ที่ทำงานอย่างหนักเพื่อเอาตัวคนร้ายมาลงโทษ จากนี้ไป ทุกคนจะได้อยู่กันอย่างปกติสุขเสียที ดวงวิญญาณของคุณธานินทร์ก็จะได้พักผ่อนอย่างสงบสุขด้วย”
นักข่าวคนหนึ่งหันมาทางชนะศึก “คุณชนะศึกล่ะคะ...คิดยังไงกับเรื่องนี้”
ชนะศึกนิ่งคิดครู่หนึ่ง “คนที่ทำผิด ไม่ช้าก็เร็ว จะต้องได้รับโทษ...ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย...ไม่ว่าใครก็ตาม”
อังคณาชะงักไป ชนะศึกฝืนยิ้มให้นักข่าวขอตัว
“ขอตัวก่อนนะครับ”
อังคณากับลูกๆ เดินเลี่ยงนักข่าวมาที่รถ
“ชนะ นก เดี๋ยวเราไปกินข้าวเที่ยวด้วยกันนะ แม่มีอะไรอยากจะคุยด้วย”
ชนะศึกกับชนกนันท์แปลกใจ

ไม่นานนักสามแม่ลูกอยู่ที่โต๊ะในร้านอาหารจีนแห่งหนึ่ง อังคณามีสีหน้าท่าทางสบายใจขึ้น กลับมาเป็นผู้หญิงที่มั่นใจ และทรงอำนาจคนเดิม ชนะศึกเครียดขรึม ส่วนชนกนันท์เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เอาแต่ก้มหน้าก้มตา ไม่สบตาใคร พนักงานเอาเป็ดย่างมาเสิร์ฟ
อังคณาถามด้วยเสียงขุ่น ไม่พอใจ “ใครสั่ง”
“ผมเองครับ...ของโปรดของคุณพ่อ คุณแม่จำได้ไหม”
อังคณา บอกบริกร “ยกออกไป”
ชนะศึกพยักหน้า บริกรยกจานเป็ดย่างออกไป
อังคณาหันมาบอกชนะศึก “แม่ไม่อยากเห็นอะไรที่ทำให้คิดถึงพ่อเขา”
ชนะศึกกับชนกนันท์อึ้งไป
“ไหนๆ ก็พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาแล้ว ชนะ นก...ตอนนี้ เรื่องร้าย ๆ มันก็จบลงแล้ว แม่เลยคิดว่า แม่จะไปจากที่นี่”
“คุณแม่จะหนีอะไรเหรอครับ”
อังคณาสะอึก พูดเฉไฉ “หนีอะไร...ก็หนีจากไอ้เรื่องบ้าๆ นี่นะซี แม่อยากจะหนีจากทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นที่นี่ อยากจะลืมเรื่องร้ายๆ ที่มันเกิดขึ้นที่นี่...อาทิตย์หน้า แม่จะไปบ้านของเราที่สวิส”
ชนะศึกซัก “กลับเมื่อไหร่ครับ”
อังคณานิ่งไปนิด “แม่คิดว่าแม่จะไปอยู่ที่นั่น” ชนะศึกกับชนกนันท์งง “เรื่องบริษัทของเรา ชนะก็ดูแลไป ส่วนนก เธอต้องไปอยู่กับแม่”
ชนกนันท์ตกใจ ปัดตะเกียบหล่น “คะ”
“เป็นอะไร ขวัญอ่อนไม่เข้าเรื่อง”
“ทำไมคุณแม่ต้องไปอยู่สวิส เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่มันทำร้ายคุณแม่ถึงขนาดนั้นเลยเหรอครับ” ชนะศึกตั้งคำถาม แต่อังคณาไม่ตอบ “มันคงเลวร้ายมากจริงๆ คุณแม่ถึงยอมทิ้งบ้านที่คุณแม่ทั้งรัก ทั้งภูมิใจไปได้ลงคอ”
“บอกแล้วไง แม่ไม่อยากเห็นอะไรที่ทำให้แม่ต้องคิดถึงพ่อของลูก...”
อังคณานิ่งคิดไป

ตอนกลางวันของวันใหม่ ภายในห้องรับแขกบ้านเลิศชัยวัฒน์ นักข่าวหลายคน รวมทั้งช่างภาพ และช่างกล้องวิดีโอกำลังรุมกันถ่ายภาพครอบครัวเลิศชัยวัฒน์ อังคณาอยู่ในชุดลูกไม้สีดำกรุยกรายสวยงาม แต่งตัวแต่งหน้าเต็มยศ นั่งสง่าอยู่ที่ชุดรับแขก
“เหตุผลสำคัญที่ทำให้ดิฉันตัดสินใจขายบ้านหลังนี้ เพราะดิฉันไม่อาจใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ต่อไปได้ เมื่อปราศจากคุณธานินทร์”
ชนะศึก และชนกนันท์แต่งตัวหล่อสวยเช่นกัน นั่งอยู่สองข้าง ห่างออกไป อังคณาซับน้ำตาขณะเปิดใจกับสื่อมวลชน
“ทุกมุม ทุกห้องในบ้านหลังนี้ เตือนให้ดิฉันคิดถึงแต่คุณธานินทร์ ดิฉันคงไม่สามารถจะลืมสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาได้ หากยังอยู่ที่นี่...ส่วนเงินที่ได้จากการขายบ้านหลังนี้ ดิฉันจะนำไปเป็นทุนในการตั้งมูลนิธิธานินทร์ เลิศชัยวัฒน์ เพื่อให้การสนับสนุนการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับโรคมะเร็งลำไส้ ก็แค่หวังว่าบุญกุศลครั้งนี้จะดลบันดาลให้คุณธานินทร์เขาได้มีความสุขในภพหน้าน่ะค่ะ”
นักข่าวช่างภาพที่รุมล้อมฟังอยู่ต่างพากันตื้นตันใจ ปรบมือกราว ชนะศึกกับชนกนันท์ฝืนยิ้ม
“ขอถ่ายรูปด้วยนะครับ” ช่างภาพคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“เชิญค่ะ” อังคณาลุกขึ้นยืนท่วงท่างามสง่า “ทุกท่านจะได้ถ่ายภาพดิฉันกับบ้านหลังนี้ ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว”
“เชิญคุณชนะศึกกับคุณชนกนันท์ด้วยครับ”
ชนะศึกกับชนกนันท์ลุกขึ้นมายืนขนาบข้างอังคณา แต่เว้นระยะห่างไว้ อังคณาตั้งท่า โอบกอดลูกทั้งสองเข้ามา ชนะศึกกับชนกนันท์มีท่าทีอึดอัดใจเล็กน้อย อังคณาเองก็รู้สึกได้ แต่ยังเล่นละครยิ้มแย้มสดชื่นให้นักข่าว
สามแม่ลูกถ่ายรูปรวมกัน บรรยากาศคล้ายวันวานเมื่อครั้งธานินทร์ยังอยูู่ แต่ในลึกลงไปในสีหน้าและแววตา

ทุกคนต่างรู้ดีว่า นับตั้งแต่นี้ต่อไป ความสัมพันธ์ในครอบครัวเลิศชัยวัฒน์จะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
บ่ายคล้อยวันเดียวกันนั้น ชนะศึกขับรถเข้ามาจอดอยู่ที่ปากซอยบ้านพรรณี เขาคิดว่าจะขอโทษครอบครัวของพิณทอง แต่ก็ละอายใจไม่กล้าเข้าไป

ในที่สุดชนะศึกก็มานั่งอยู่หน้าบ้าน ข้างๆ มีถุงใส่ไข่ไก่ 3-4 ฟองวางอยู่ พิณทองรินน้ำใส่แก้วยื่นให้
“น้ำค่ะ”
“ขอบใจ”
พิณทองรอจนชนะศึกดื่มน้ำเสร็จจึงเอ่ยถาม “คุณมีธุระอะไรคะ”
ชนะศึกอึกอัก ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงที่จะขอโทษ เสไปพูดเรื่องอื่น พอดีมองเห็นถุงใส่ไข่วางอยู่
“ไปซื้อไข่มาเหรอ...อีกหน่อยรวยเป็นร้อยล้านแล้ว จะยังกินไข่ต้มกันอยู่อีกไหม”
“กินค่ะ” พิณทองเมียงมองชนะศึก “คุณไม่ได้มาถามเราเรื่องกับข้าวเย็นหรอก ใช่ไหมคะ”
ชนะศึกอึกอัก “คือ คือว่า...ผม”
ชนะศึกรวบรวมกำลังใจ ในที่สุดก็หันมา มองพิณทองตรง ๆ
“คือ...เรื่องที่ผ่าน ๆ มาน่ะ ผมมองพวกคุณผิดมาตลอด ผมทำให้ที่บ้านคุณต้องลำบาก เดือดร้อน คือ...ผมอยากให้พวกคุณรู้ว่าผมไม่ได้คิดร้ายอะไรกับพวกคุณ ทั้งหมดมันเป็นความเข้าใจผิด ผมแค่เข้าใจผิด ผมเลยทำอะไรผิดๆ ไป”
พิณทองสวนคำออกมา “คุณมาขอโทษ”
ชนะศึกเสียฟอร์มเหมือนกันอ้อมแอ้มรับ “อึมม์”
พิณทองถามย้ำ “คุณมาที่นี่ เพื่อจะมาขอโทษแม่กับพี่เพชรใช่ไหมคะ”
“อึมม์” ชนะศึกมองพิณทอง “แล้วก็คุณด้วย พิณทอง...ยกโทษให้ผมนะ”
“พิณยกโทษให้คุณค่ะ”
“ขอบใจ ผมมาพูดเท่านี้แหละ...”
“ค่ะ”
ชนะศึกมองพิณทองใบหน้านั้นเศร้าเหลือเกิน ชายหนุ่มฝืนยิ้มแล้วหันหลังเดินจากไป พิณทองมองตามด้วยความสงสารชนะศึกเดินห่างออกไปได้ครู่หนึ่ง พิณทองตัดสินใจเรียกไว้
“คุณชนะศึกคะ...คุณรออยู่ตรงนี้แป๊บนึงนะคะ” ชนะศึกงง “แป๊บเดียวค่ะ”
พิณทองกลับขึ้นไปบนบ้าน หยิบกระถางกล้วยไม้ที่ชนะศึกเคยซื้อให้ แล้ววิ่งกลับลงมา ถือกระถางกล้วยไม้ซ่อนไว้ด้านหลัง
“อะไรของคุณ”
พิณทองยื่นกระถางกล้วยไม้ให้ชนะศึก
“ดอกไม้สวยๆ แทนความสุข แทนความหวัง แทนกำลังใจ สิ่งดีๆ ที่ครั้งนึงคุณเคยให้กับพิณ...คราวนี้ พิณว่าคุณคงต้องการมันมากกว่าใคร...พิณให้คุณค่ะ”
ชนะศึกรับไป พิณมองชนะศึก สายตาเต็มไปด้วยความหวังดี ชนะศึกรู้สึกอบอุ่นในใจ

คืนนั้นภายในห้องนอนอังคณา น้อยเอาเสื้อผ้า 2-3 ชุด ซึ่งเป็นชุดสุดท้ายของอังคณาใส่ลงในกระเป๋า
“จัดกระเป๋าเสร็จแล้วค่ะคุณผู้หญิง”
“เสร็จแล้วก็ปิดกระเป๋าให้หมด แล้วก็ออกไปได้”
น้อยปิดกระเป๋าเดินทางทุกใบ เสร็จแล้วก็ออกไป อังคณารอจนกว่าน้อยออกไป จึงก้มลงไปใต้เตียง แล้วหยิบอะไรบางอย่างออกมา ปรากฏว่ามันคือถุงใส่ป้ายทะเบียนรถนั่นเอง
อังคณามองดูกระเป๋า คิดนิดหนึ่ง แล้วเลือกกระเป๋าใบเล็กเปิดออก แล้วยัดถุงป้ายทะเบียนรถไว้ล่างสุด เสร็จแล้วก็ปิดกระเป๋า
จังหวะนั้นเสียงเคาะประตูเบาๆ ก่อนที่ชนกนันท์จะเดินเข้ามา
“คุณแม่” ชนกนันท์มองดูรอบๆ ห้อง “จัดกระเป๋าแล้วหรือคะ”
“อึมม์...มีอะไรเหรอยัยนก”
“นกจะมาบอกแม่...เรื่องสวิส”
อังคณาฉงน “ทำไม”
ชนกนันท์รวบรวมความกล้า “นกไม่อยากไป นกจะอยู่เมืองไทยกับพี่ชนะ”
อังคณายื่นคำขาด “นกต้องไปกับแม่”
“นกไม่อยากไป”
อังคณาตวาด “แม่สั่งให้แกไป”
ชนกนันท์ระเบิดอารมณ์ออกมา “ถ้านกไม่ไป แม่จะทำอะไรนกคะ แม่จะฆ่านกอีกคนไหม ถ้านกขัดใจแม่”
อังคณาตกใจคาดไม่ถึง “ยัยนก! แกพูดอะไรของแก”
ชนกนันท์ร้องไห้ออกมาด้วยความเครียดและอัดอั้นตันใจ
“นกรู้นะว่าแม่จะหนีไปสวิสเพราะอะไร นกไม่อยากรู้ไม่อยากเห็น นกไม่อยากเกี่ยวข้อง แม่ปล่อยนกไปเถอะ”
“แกคิดว่าแม่ทำอะไร หา! ยัยนก แกคิดว่าแม่ของแกทำอะไร”
ชนกนันท์สะอื้น “แม่...แม่...” ไม่กล้าพูดออกมาว่าอังคณาฆ่าเรืองโรจน์
“แม่ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ทุกอย่าง เป็นความคิดฟุ้งซ่านของแกทั้งนั้น ไม่มีหลักฐาน”
“เพราะแม่เก็บมันไปแล้วไงคะ แม่เอามันไปซ่อนแล้ว” ชนกนันท์เดินไปรอบๆ ห้อง “อยู่ไหนคะ แม่เอาไปไว้ไหนแล้ว” มองไปที่กระเป๋าเดินทางที่วางอยู่ “หรืออยู่ในนี้”
ชนกนันท์จะเอื้อมมือไปคว้ากระเป๋า อังคณาระแวง รีบเข้าไปคว้ากระเป๋าใบเล็กมาถือไว้ ดุเสียงดัง
“แกบ้าไปแล้ว ยัยนก”
“มันอยู่ในนั้นใช่ไหมคะ”
ชนกนันท์มองนึกเอะใจ เดินตรงมาที่กระเป๋า ทั้งสองยื้อยุดกัน อังคณาผลักชนกนันท์ออกไป แต่ชนกนันท์ไม่ยอมปล่อยกระเป๋า ในที่สุดกระเป๋าหลุดกระจายออกจากกัน ของในกระเป๋าหล่นออกมากอง เห็นห่อพลาสติกที่ใส่ป้ายทะเบียนอยู่ในนั้น ชนกนันท์เห็น อึ้งไป
“แม่...แม่ทำ...จริงๆ”
อังคณาเดินไปหยิบป้ายทะเบียนขึ้นมา “แกไม่ควรมายุ่งเรื่องนี้”
“แม่ฆ่าเรืองโรจน์”
“มันสมควรตายแล้ว มันจ้างคนมาฆ่าพ่อแกนะ ลืมไปแล้วหรือไง”
“ไม่ใช่ มันไม่ได้เป็นคนสั่งฆ่าคุณพ่อ งานลับที่แม่ให้เรืองโรจน์ทำ คือฆ่าพ่อ แล้วโยนความผิดให้ไอ้เพชรแท้...แต่พอเรืองโรจน์มันทรยศแม่ แม่เลยฆ่ามัน ใช่ไหมคะ”
อังคณายืนอึ้ง ชนกนันท์เดินห่างออกไป อังคณาวางป้ายทะเบียนไว้ที่กระเป๋า แล้วเดินไปหา
“ลูกรักแม่ไหม” ชนกนันท์นิ่งอยู่อย่างนั้น “รักแม่ไหมนก”
“แม่เป็นแม่ของนก”
“แล้วรักแม่ไหมล่ะ”
ชนกนันท์น้ำตาไหลออกมา “ค่ะ นกรักแม่”
อังคณาดึงชนกนันท์เข้ามากอดไว้ “แม่ก็รักลูก” กอดนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง “ผัวเมียไม่รักกันมันเรื่องธรรมดา แต่ความรักระหว่างแม่กับลูก มันยิ่งใหญ่กว่านั้น ยังไงเราก็ตัดกันไม่ขาดหรอก ใช่ไหม ตอบแม่ซี ถึงยังไง นกก็คงไม่ทำร้ายแม่ เพื่อแก้แค้นให้พ่อหรอก ใช่ไหม”
ชนกนันท์กดดันเป็นที่สุด ในที่สุดก็พูดออกมา “ค่ะ นกไม่ทำ”
“คนดีของแม่...ต้องอย่างนี้ซีลูก”
อังคณากอดชนกนันท์อีกครั้ง ชนกนันท์ดูมีท่าทีเกร็งๆ ไม่กล้ากอดแม่เหมือนอย่างเคย ในที่สุดก็ร้องไห้ออกมาอย่างอัดอั้น อังคณาลูบหัวลูกน้ำตาไหลออกมา

ขณะเดียวกันที่บริเวณหน้าห้อง ชนะศึกยืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เห็นป้ายทะเบียน และได้ยินเรื่องทุกอย่างที่สองคนคุยใน ด้วยอาการตื่นตะลึง
วันต่อมาเพชรแท้กับพิณทองพากันมาอยู่ที่โรงแรมที่เรืองโรจน์มาซ่อนตัวก่อนจะเสียชีวิต และกำลังคุยอยู่กับเฮียผู้จัดการโรงแรมอยู่ตรงเคาน์เตอร์ เพชรแท้เอาหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งที่ลงข่าวของเรืองโรจน์ให้เฮียดูพลางถาม

“เฮียเคยเห็นคนนี้ไหม เขาเคยพักอยู่ที่นี่ใช่ไหม”
“อ๋อ ใช่”
“ผมอยากขอเข้าไปดูห้องที่เขาพักหน่อยน่ะครับ”
เฮียมองสองคนอย่างระแวง “ดูทำไม ข้าวของอะไรของมัน ตำรวจก็ขนไปหมดแล้ว” มองหน้าเพชรแท้ “ลื้อจะมาดูอะไร”
พิณทองยิ้ม พูดเสียงหวาน “พี่เขาตามข่าวเรื่องนี้น่ะค่ะ เขาอยากจะเห็นว่าห้องที่คนร้ายเคยอยู่หน้าตาเป็นยังไง เฮียช่วยหน่อยได้ไหมคะ”
เฮียเห็นพิณทองพูดเพราะก็ใจอ่อน แต่ยังไม่ถึงที่สุด เพชรแท้รู้ทันตัดสินใจวางเงินลงไป 1,000 บาท
“ค่าห้องวันเท่าไหร่ ผมขอเช่าห้องนั้น”
เฮียนิ่งคิด ก่อนจะส่งกุญแจห้องให้

เพชรแท้เปิดประตูห้องเข้ามา ในห้องไม่มีข้าวของอะไรของเรืองโรจน์เหลืออยู่เลย
“ตำรวจเขาขนไปหมดจริงๆ แหละ พี่เพชร ไม่มีของส่วนตัวของนายเรืองโรจน์อยู่เลยซักชิ้น
“มันต้องมีสิน่า...ลองหาดี ๆ อาจจะตกหล่นอยู่ที่ไหนก็ได้ ช่วยกันหา”
พิณทองช่วยเปิดตู้ เปิดลิ้นชัก ไม่เจออะไร เพชรแท้ไปดูในห้องน้ำ ดูทั่วๆ ห้อง กระทั่งถังขยะ ก็ไม่พบอะไรเช่นกัน
“ไม่เจออะไรเลยจริงๆ”
เพชรแท้โมโหที่คว้าน้ำเหลว “ไม่อยากเชื่อเลย เราไม่มีหลักฐานเอาผิดอังคณาจริงๆ หรือนี่”
พิณทองนั่งลงที่เตียง เหลือบไปเห็นหนังสือสวดมนต์ หน้าปกเป็นรูปพระ ที่วางอยู่ที่โต๊ะหัวเตียง เลยหยิบขึ้นมาดู ด้วยท่าทีแปลกใจนิดหน่อย
“ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนร้ายๆ อย่างนายเรืองโรจน์จะรู้จักนับถือพระเจ้ากับเขาด้วย”
“อะไรนะ”เพชรแท้สงสัย
พิณทองยกหนังสือให้ดู “หนังสือสวดมนต์นี่ไง วางอยู่บนสุดเลย”
พูดจบพิณทองก็วางลงอย่างเดิม
เพชรแท้มองสำรวจดูที่โต๊ะหัวเตียง เห็นแผ่นพับโฆษณา เมนูอาหารเก่าๆ ของโรงแรม และมีหนังสือสวดมนต์ของโรงแรมวางอยู่ หนังสือสวดมนต์วางอยู่บนสุดจริงๆ ด้วย
เพชรแท้รำพึง “คนอย่างมันน่ะเหรอ สวดมนต์...มือถือสาก ปากถือศีลน่ะซี”
พูดจบเพชรแท้นึกเอะใจ เดินไปหยิบหนังสือสวดมนต์ขึ้นมาดู พลิกดูอย่างละเอียด
พบว่าด้านในปก มีซิมการ์ดแอบซ่อนอยู่อย่างแนบเนียน เพชรแท้ยิ้มอย่างดีใจ

เช้าวันรุ่งขึ้น รถตู้ของอังคณาจอดอยู่หน้าบ้าน สาวใช้กับศักดาช่วยกันเอากระเป๋าเข้าเก็บ อังคณาเดินออกมาจากในบ้าน แล้วเดินมาที่รถ
ชนะศึกกับชนกนันท์รอส่ง ทั้งสองหน้าตาเครียดขรึม อังคณาเดินเข้ามาหาชนะศึก
“แม่ไปล่ะนะ ชนะ”
“ครับ”
อังคณาเดินไปหานก “แม่ไปนะ ยัยนก ทำตัวดีๆ ล่ะ”
“ค่ะ”
“ดี...แล้วพอแม่กลับมาจากหัวหิน เราจะไปสวิสกัน”
อังคณาเดินไปที่รถ ศักดาจะเปิดประตูให้ อังคณา
“เดี๋ยวฉันขับเอง”
อังคณายื่นมือขอกุญแจรถ ศักดาส่งให้ อังคณาขึ้นไปนั่งด้านที่คนขับ ติดเครื่องแล้วขับรถออกไปชนะศึกมองตาม

ชนะศึกเดินครุ่นคิดเข้ามาที่ห้องโถงในบ้าน เห็นเป็นภาพครอบครัวบานใหญ่ติดอยู่บนผนัง ชนะศึกมองไปที่ใบหน้าธานินทร์ในภาพ
ขณะเดียวกันชนกนันท์อยู่ในห้องนอน เพ่งมองภาพที่ตัวเองถ่ายคู่กับธานินทร์ พูดกับภาพ น้ำตาไหลพราก
“นกจะทำยังไงดีคะ พ่อ...แม่บอกให้นกลืมทุกอย่าง แม่บอกให้นกทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่นกลืมไม่ได้...นกทำไม่ได้...นกจะทำยังไงคะ นกจะทำยังไง”
ภาพธานินทร์ในมือชนกนันท์ยิ้มอ่อนโยน เหมือนจะปลอบใจลูกสาวที่กำลังทุกข์หนัก

ชนะศึกยืนมองที่รูปธานินทร์เช่นกัน
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ พ่อ ว่าผมควรจะบอกให้ตำรวจเขาจับแม่ไปรับโทษ หรือผมควรจะปล่อยให้แม่ได้ใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุข...ผมไม่รู้จริง ๆ”
ชนะศึกว้าวุ่น กลัดกลุ้ม และสับสนหนัก
“พ่อสอนผมตั้งแต่เล็กจนโต พ่อสอนผม...ให้ทำสิ่งที่ถูกต้อง แล้วทำมันให้ดีที่สุด...ผมทำตามที่พ่อสอนมาตลอด จนกระทั่งถึงวันนี้...” ชนะศึกมองภาพพ่อ “สิ่งที่ผมคิดอยู่ตอนนี้มันดี และถูกต้องหรือเปล่าครับ พ่อ ผมควรจะทำไหม...”

ใบหน้าธานินทร์ในรูปนั้นจ้องมองมาที่ชนะศึก ยิ้มแย้มเหมือนจะปลอบขวัญและให้กำลังใจลูกชายผู้กำลังเคว้งคว้างถูกความทุกข์กัดกินใจ
ชนกนันท์ยืนครุ่นคิดอยู่หน้ากระจกน้ำตาไหลริน เหมือนจะตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง จังหวะหนึ่งชนกนันท์มองไปที่มุมตู้เก็บยา เห็นยาชนิดต่างๆ วางอยู่ จึงเอื้อมมือไปหยิบกระปุกยาแก้ปวดหัวขึ้นมา มองยาในมือนั้น

เวลาผ่านไปสักระยะหนึ่งชนะศึกเดินมาหยุดยืนเคาะประตูห้องชนกนันท์ เพื่อจะพูดกับน้องสาวเรื่องอังคณาผู้เป็นแม่ให้รู้เรื่อง
“นก” ชนะศึกเคาะประตูอีก “ยัยนก เปิดประตูหน่อย”
ไม่มีเสียงตอบ ชนะศึกกังวล จึงตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปเดินหา และเรียกอีก
“ยัยนก”
ภายในห้องเงียบกริบ
“ยัยนก”
ชนะศึกมองไปรอบห้อง ก่อนจะเห็นร่างชนกนันท์นอนกองอยู่ที่พื้นหน้าห้องน้ำ เหมือนคนใกล้หมดสติ ชนะศึกวิ่งไปประคองอย่างตกใจ
“ยัยนก นก เป็นอะไรน่ะ”
ชนกนันท์แทบไม่มีสติแล้ว ในมือถือกระปุกยาแก้ปวด เม็ดยาตกเกลื่อนอยู่รอบตัว ชนะศึกเดาได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

รถของชนะศึกแล่นมาบนถนนอย่างรวดเร็ว ภายในรถคันนั้นชนะศึกประคองชนกนันท์อยู่ที่เบาะหลัง ศักดาเป็นคนขับรถ
“ยัยนก อย่าเป็นอะไรนะ นก...”
ชนกนันท์อยู่ในอาการสะลึมสะลือ พยายามประคองสติ ส่งเสียงเรียกพี่ชาย
“พี่ชนะ”
“นก ทำใจดีๆ ไว้ ทำไมต้องทำแบบนี้ ทำแบบนี้ทำไม”
ชนะศึกครวญคร่ำ ขณะที่ชนกนันท์สะอื้นเบาๆ
“นกกลุ้มใจ...นกทำไม่ได้”
“ทำอะไร” ชนะศึกฉงน
“คุณแม่จะให้นกลืมทุกอย่าง นกลืมไม่ได้ นกลืมไม่ได้”
ชนะศึกลูบเรือนผมปลอบน้องสาว “ไม่เป็นไรนะ นก ไม่เป็นไร...”
ชนกนันท์พูดเสียงกระท่อนกระแท่น ไม่ปะติดปะต่อ แต่ก็ยังคงพยายามพูดด้วยความอัดอั้น
“พี่ชนะ คุณแม่ฆ่าคน...คุณแม่ฆ่าเรืองโรจน์”
ชนะศึกพยักหน้า “พี่รู้”
ชนกนันท์สะอึกสะอื้น “คุณแม่เป็นตัวการ...ฆ่า...ทุกคน”
“พี่รู้...นกไม่ต้องกลัว พี่จะจัดการทุกอย่างเอง”
ชนกนันท์สงสัย “พี่ชนะจะทำอะไร”
ชนะศึกนิ่งไปไม่ยอมตอบ ได้แต่กอดแล้วลูบหัวน้องอย่างปลอบโยน ชนกนันท์น้ำตาไหลพราก ร้องครวญคร่ำ
“พี่อย่าทำอะไรแม่นะ” ชนะศึกไม่ตอบ “สัญญาซี พี่อย่าให้ใครทำอะไรแม่นะ แม่จะติดคุกไม่ได้ แม่ทนอยู่ในนั้นไม่ได้หรอก นกรู้ ปล่อยแม่ไปนะ พี่ชนะ”
ชนะศึกบอกออกมา “พี่จะทำตามที่พ่อสอน พี่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง ทำมันให้ดีที่สุด...มันเป็นวิธีเดียวเท่านั้นที่จะจบเรื่องนี้ได้ เชื่อพี่เถอะ นก”
สีหน้าชนะศึกแน่วนิ่ง ตัดสินใจได้เด็ดขาดแล้ว

ภายในห้องทำงานสารวัตรที่สถานีตำรวจ บ่ายนั้น สารวัตรใส่เมมโมรี่การ์ดไปในโทรศัพท์มือถือ เพชรแท้ พรรณี และพิณทองนั่งอยู่ที่สถานีตำรวจ รอฟัง
ภาพบนโทรศัพท์มือถือ เป็นชื่อไฟล์ “อังคณา” สารวัตรเปิดฟัง ยินเสียงของเรืองโรจน์ดังออกมา
“ตกลงว่า พวกนั้นมันทำงานให้คุณอังคณาได้เรียบร้อย คุณธานินทร์ตายไปแล้ว ตำรวจพบหลักฐานที่เตรียมเอาไว้ให้ ตามที่ตกลงกันไว้ทุกอย่าง...ถึงเวลาจ่ายค่าจ้างแล้วล่ะครับ”
ยินเสียงอังคณาตอบกลับ “เอาไปให้มัน อันนี้ของเธอ”
เพชรแท้ พิณทอง และพรรณีลอบมองหน้ากันไปมา ระหว่างนี้ยินเสียงเหตุการณ์เปิดคลอไปเรื่อยๆ เป็นเสียงโต้เถียงของสองคน
เสียงเรืองโรจน์บอก “ไม่ใช่แค่นี้ครับ ผมต้องการตำแหน่งผู้บริหารเทียบเท่าคุณชนะศึก”
“เป็นไปไม่ได้ บริษัทนี้เป็นของตระกูลฉัน ฉันยอมให้คนนอกมาทำไม่ได้หรอก” อังคณาว่า
“แต่คุณสัญญากับผมไว้แล้ว! จะเบี้ยวหรือไง”
ทั้งหมดฟังกันต่อไป จนถึงเสียงอังคณาพูดประโยคต่อมา
“ตำรวจปิดคดี ไอ้เพชรโดนประหารชีวิตเมื่อไหร่ ฉันจะให้เธออีกก้อนหนึ่ง”
เพชรมองหน้าสารวัตร จังหวะนั้นสารวัตรเรียกตำรวจเข้ามา
“จ่า”
ตำรวจลูกน้องเปิดประตูเข้ามาในห้อง 2 คน
“ครับ”
สารวัตรส่งเมมโมรี่การ์ดให้ตำรวจลูกน้อง สั่งการอย่างเฉียบขาด
“ส่งการ์ดอันนี้ให้กองพิสูจน์หลักฐาน ดูว่าเป็นการตัดต่อเสียงหรือเปล่า” ตำรวจคนแรกรับไป สารวัตรบอกกับตำรวจอีกคน “แล้วตรวจสอบซิว่าตอนนี้คุณอังคณา เลิศชัยวัฒน์อยู่ที่ไหน”
ตำรวจรับคำ แล้วเดินไป พรรณีหันไปยิ้มให้เพชรแท้

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 13/2 วันที่ 22 พ.ย. 55

เค้าโครงเรื่อง : ทีมเอ็กแซ็กท์
บทโทรทัศน์ : กษิดินทร์ แสงวงษ์ , ศิริลักษณ์ ศรีสุคนธ์
กำกับการแสดง : นิพนธ์ ผิวเณร
อำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร, ถกลเกียรติ วีรวรรณ
แนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ออกอากาศ : จันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 5
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่มตอนแรกอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ที่มา manager.co.th