อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 11 วันที่ 17 พ.ย. 55

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 11 วันที่ 17 พ.ย. 55

ชนกนันท์ในชุดเสื้อคลุมอยู่กับบ้านเปิดประตูออกมา
“มีอะไรคะ” พอเห็นหน้าชนะศึกที่ซีดขาวราวกระดาษก็ตกใจ “พี่ชนะ พี่ชนะเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นคะ”
“พี่มีข่าวร้าย ทำใจดี ๆ นะยัยนก คือว่า คุณพ่อ คุณพ่อของเรา...” ชนะศึกพูดไม่ออก
“คุณพ่อเป็นอะไรหรือคะ”
“คือ คุณพ่อ คุณพ่อไปหาไอ้เพชรแท้” ชนกนันท์รอฟัง ยิ่งแปลกใจ “แล้วไปติดอยู่ในบ้านที่มีไฟไหม้ ช่วยออกมาไม่ทัน คุณพ่อ...เสียแล้วนก”
ชนกนันท์ตะลึง ช็อค “หา”
“คุณพ่อท่านเสียแล้ว”

“เป็นไปไม่ได้ ไม่จริงใช่ไหมคะ” ชนกนันท์เสียใจ รับไม่ได้
ชนะศึกเรียกสติน้องสาวกลับมา พยายามตัดใจ “นกทำใจดีๆ ไว้ เข้มแข็งไว้นะ เราต้องรีบไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ นก เปลี่ยนเสื้อแล้วลงไปรอพี่ข้างล่าง พี่จะไปบอกคุณแม่”



เสียงอังคณาแทรกเข้ามา “แม่รู้แล้ว”
อังคณาเดินหน้านิ่งๆ เข้ามา ชนะศึกพยายามพูดปลอบ
“คุณแม่ครับ คุณแม่ทำใจดีๆ ไว้นะครับ”
อังคณาตัดบท “มีอะไรไว้ค่อยพูดกัน เราไปดูคุณพ่อกันก่อนดีกว่าลูก”

กลางดึกคืนนั้น ที่หน้าห้องดับจิตของโรงพยาบาลท้องที่เกิดเหตุ คนละแห่งกับที่ธานินทร์รักษาตัว ครอบครัวพรรณีนั่งอยู่ที่มุมหนึ่ง ทุกคนเศร้าเสียใจ เพชรแท้นั่งซึม เนื้อตัวยังเปื้อนเขม่าควันไฟสีดำ ก้มหน้ามองพื้น มีอาการของคนที่ช็อคเสียใจสุดขีด ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ยังหลอกหลอน เป็นภาพตอนที่ธานินทร์ผลักตนให้ตกลงมาจากระเบียงบ้านร้างที่ไฟไหม้ เพื่อช่วยชีวิตเอาไว้

เวลาเดียวกันชนะศึกเป็นคนขับรถ อังคณานั่งนิ่งอยู่เบาะหลัง ชนกนันท์นั่งข้างชนะศึก พอได้รู้เรื่องราวทั้งหมด ก็ยิ่งโกรธมาก
“เป็นไปได้ยังไง คุณพ่อป่วยขนาดนั้น ยังจะไปหาไอ้เพชรแท้ทำไมกลางดึกกลางดื่น มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น”
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน พยาบาลของคุณพ่อก็ยืนยันว่ามันส่งจดหมายมานัดคุณพ่อ แต่บ้านนั้นเขาก็อ้างว่าคุณพ่อต่างหากที่เป็นคนส่งจดหมายนัดมันออกไปที่นั่น”
“แล้วจดหมายนั่นอยู่ที่ไหนล่ะคะ? เอามายืนยันกันดูสิ”
“ไม่มี ไฟไหม้ไปหมดแล้ว เลยไม่มีใครยืนยันได้ว่าความจริงมันเป็นยังไง”
อังคณะนั่งฟังอยู่ แอบแสยะยิ้มสะใจ
“ไม่ว่าใครจะว่ายังไง แต่ความจริงก็คือไอ้เพชรแท้นั่นแหละเป็นคนทำให้พ่อเราตาย ถ้าพ่อไม่ออกไปหามัน ที่นั่น พ่อคงไม่เป็นแบบนี้” ชนกนันท์บอกอย่างคั่งแค้น
“ใช่เพราะไอ้เพชรแท้คนเดียว เพราะมันคนเดียว”
ชนะศึกกับชนกนันท์โกรธแค้นเอามากๆ อังคณาที่ฟังอยู่ยิ่งรู้สึกสาแก่ใจ

ชนะศึกตาแดงกร่ำ เดินเข้ามาหน้าห้องดับจิต ท่าทางเคร่งเครียด อังคณากับชนกนันท์เดินตามมาติด ๆ
ชนะศึกกวาดตามองทุกคน ไปหยุดที่เพชรแท้เป็นคนสุดท้าย พูดเสียงกร้าว
“คุณพ่อผมอยู่ที่ไหน”
พิณทองชี้มือไปที่เก็บศพ
“ในห้องนั้นค่ะ
ชนะศึกเดินไปไม่พูดไม่จา ชนกนันท์ที่ร้องไห้จนตาแดงก่ำ ถลึงตาใส่พิณทองคาดโทษ
“รออยู่นี่ก่อนนะ
สองแม่ลูกเดินตามชนะศึกเข้าไป

ทั้งสามเดินเข้ามาในห้องดับจิต ศพธานินทร์ถูกผ้าคลุมเอาไว้เรียบร้อย ชนะศึกเดินเข้าไปใกล้ เปิดผ้าคลุมออก
ทั้งสามคนเห็นสภาพศพต่างก็เศร้าสลดใจ อังคณาเองก็อดที่จะรู้สึกสลดใจไม่ได้
ชนะศึกร้องไห้ “คุณพ่อครับ คุณพ่อหลับให้สบายนะครับ ไม่ต้องห่วง”
ชนกนันท์ร้องไห้ฟูมฟาย “โธ่ คุณพ่อ นกรักคุณพ่อนะ คุณพ่ออย่าจากนกไปอย่างนี้ซี อย่าทิ้งนกไป”
อังคณายืนนิ่งอยู่ห่างออกไป พูดน้ำเสียงเรียบๆ
“ลาก่อนนะคะธานินทร์”
ชนะศึกกอดชนกนันท์ ทั้งสองร้องไห้เสียอกเสียใจ

ชนกนันท์เดินออกมา เจอพวกพรรณีที่นั่งอยู่ ก็เข้าไปตวาดเสียงเกรี้ยวกราดใส่เพชรแท้
“พ่อฉันตายได้ยังไง”
ชนกนันท์ถลาเข้าหาเพชรแท้ กระชากคอเสื้อเพชรแท้ให้ลุกขึ้นมา เพชรแท้ไม่ขัดขืน ชนกนันท์ด่าไปร้องไห้ไป
“แกใช่ไหมที่ทำให้พ่อฉันตาย แกใช่ไหม แกใช่ไหม”
ทุกคนยืนมอง ไม่เข้าไปห้าม
พรรณีพยายามอธิบาย “เพชรไม่ได้เป็นคนทำนะคะ”
“มันนั่นแหละ ก็เพราะมันพ่อถึงได้ไปที่นั่น เพราะมันพ่อถึงได้โดนไฟคลอกตาย”
ชนกนันท์บันดาลโทสะ ผลักเพชรแท้สุดแรงด้วยความแค้น ร่างเพชรแท้เซไปกระแทกผนัง หัวโขกกำแพงจนแตกมีเลือดไหลออกมา
พรรณีตกใจ “เพชร”
พรรณีกับพิณทองเดินเข้าไปหาเพชรแท้
“แกเห็นศพพ่อฉันไหม ว่าอนาถขนาดไหน ฉันเป็นลูก ฉันยังเกือบจำเขาไม่ได้ พ่อฉันโดนไฟเผาตายทั้งเป็น! แกนึกออกไหมว่าก่อนเขาตายเขาจะรู้สึกยังไง เขาจะเจ็บปวดทรมานซักขนาดไหน แกนึกออกไหม”
ชนกนันท์อาละวาด เข้าไปกระชากคอเสื้อเพชรแท้ ผลักออก เพชรแท้เซไปไม่สู้ สีหน้าของเพชรแท้ยามนี้มีแต่ความเจ็บช้ำ และรู้สึกผิด ไม่โกรธ ไม่โต้ตอบ ไม่พูดอะไร
คนอื่นๆ ที่ยืนอยู่โดยรอบต่างสะเทือนใจกับความเสียใจของชนกนันท์ที่ระบายออกมา จนไม่มีใครกล้าพูดหรือกล้าขัดขวาง
“เจ็บใช่ไหม”
เพชรแท้มองชนกนันท์นิ่ง ไม่ตอบโต้ เข้าใจความเจ็บปวดของน้องสาวต่างมารดา เพราะนั่นคือสิ่งที่เขากำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้เช่นกัน แต่ชนกนันท์ยังไม่หายแค้น ผลักเพชรแท้จนล้มลงไป
“แค่นี้ยังน้อยไป ถ้าฉันมีปืน ฉันจะยิงแกให้ดิ้นตายไปตรงนี้เลย ฉันอยากให้แกตายอย่างทรมาน เหมือนกับที่แกทำพ่อฉัน ไอ้เพชรแท้ ไอ้สารเลว”
ชนกนันท์ร้องไห้ฟูมฟาย พลางระดมทุบตีไม่ยั้ง เพชรแท้ไม่หลบ ไม่ปัดป้อง ปล่อยให้ชนกนันท์ตบตีตามใจจนชนกนันท์เป็นลมล้มพับไป
“นก” ชนะศึกรีบเข้ามาประคอง
อังคณาเข้ามาประคองชนกนันท์ด้วย
พรรณีเข้ามาประคองเพชรแท้ขึ้นมา พิณทองขอร้องชนะศึก
“พอทีเถอะค่ะ อย่าซ้ำเติมกันเลย เท่านี้พี่เพชรก็เสียใจมากพอแล้ว”
“คนอย่างพี่ชายคุณจะเสียใจได้ยังไง” ชนะศึกไม่สนใจฟัง มองจ้องเพชรแท้ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ “ลูกที่ไม่เคยรักพ่อ ไม่เคยทำดีกับพ่อ แถมยังพาพ่อตัวเองไปตาย คนอย่างพี่คุณคงไม่มีหัวใจหรอก”
จากนั้นชนะศึกและอังคณาก็ประคองชนกนันท์ออกไป

ขณะที่เพชรแท้อึ้งด้วยความรู้สึกผิด
กลับถึงบ้านกลางดึก ชนะศึกเดินเข้ามาในห้องทรุดตัวนั่งที่มุมหนึ่ง ความรู้สึกเศร้า ความเสียใจ ที่อดกลั้นเอาไว้ มาเป็นริ้วๆ จนท่วมท้นขึ้นมา น้ำตาลูกผู้ชายรินไหลออกมาเงียบๆ และแรงขึ้นๆ

“คุณพ่อ ทำไม ทำไมถึงต้องเป็นแบบนี้ ทำไม” สะอึกสะอื้น “มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้เลย ทำไม”
ความเสียใจแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธแค้น ชนะศึกคำราม
“เพราะมันแท้ ๆ เพราะมัน...พ่อถึงต้องทนทุกข์ทรมานขนาดนี้ เพราะมันพ่อถึงต้องตาย เพราะมันคนเดียว”
ชนะศึกลุกขึ้นทุบผนัง ก่อนจะหันมากวาดข้าวของพังระเนระนาดเพื่อระบายอารมณ์แค้น ตะโกนลั่นห้อง
ยิ่งพอชนะศึกเห็นรูปของตนที่ถ่ายคู่กับธานินทร์ก็ยิ่งอาลัย หยิบรูปขึ้นมา ใช้มือลูบไล้ไปที่รูป และเอามากอดไว้แนบอก
“ไอ้เพชรแท้! ไอ้ลูกทรพี แกทำให้พ่อต้องตาย ไม่ว่าชาตินี้ชาติไหนฉันก็ไม่มีวันให้อภัยแก ไม่มีวัน!”
ชนะศึกโกธแค้นและอาฆาตพยาบาท

วันต่อมา อังคณากำลังแต่งตัวแต่งหน้าเพื่อเตรียมตัวไปงานสวดศพ ท่าทางราวกับนักแสดงที่กำลังจะแต่งตัวไปงานพรมแดง อังคณาสวมเครื่องประดับชิ้นสุดท้ายเสร็จ มองดูเงาตัวเองในกระจก ยิ้มน้อยๆ อย่างพึงพอใจ พึมพำออกมา
“เหลือแค่อีกเปลาะเดียว ทุกอย่างก็จะจบ ฉันจะได้สบายใจซักที”
อังคณาหยิบโทรศัพท์มากดโทร.หาเรืองโรจน์
“เป็นไงบ้าง”
เรืองโรจน์อยู่ในสูทชุดดำ กำลังขับรถมาตามถนน
“เรียบร้อยดีครับ...ตำรวจไปที่บ้านหลังนั้น แล้วก็ได้หลักฐานไปแล้ว”
“ดี!..เดี๋ยวฉันจะไปรอที่วัด แกช่วยจัดการทุกอย่างให้เป็นไปตามแผน ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อยภายในวันนี้”
อังคณาวางสาย ยิ้มเหี้ยมเกรียมระบายทั่วใบหน้างามนั้น

ภายในศาลาสวดพระอภิธรรมศพภายในวัดแห่งหนึ่ง รูปธานินทร์ตั้งเด่นอยู่หน้าโลงศพ ซึ่งข้างในบรรจุศพของธานินทร์ในโลงแล้ว
ที่ด้านนอก บรรดาคนรับใช้ในบ้านเลิศชัยวัฒน์ ต่างมาช่วยกันต้อนรับแขกอยู่ เริ่มมีแขกมาบ้างนิดหน่อย ชนะศึกยืนต้อนรับแขกอยู่มุมหนึ่ง และพาแขกเดินเข้ามานั่งในศาลา
ที่โซฟารับแขกในศาลา อังคณากับชนกนันท์นั่งเศร้าอยู่ อังคณาร้องไห้สะอึกสะอื้น
“เสียใจด้วยนะครับ คุณอังคณา คุณธานินทร์ไม่น่าอายุสั้นเลย” แขกคนรู้จักกันเอ่ยขึ้น
อังคณาพูดไปร้องไห้ไป “ที่เป็นแบบนี้ เพราะตัวเขาเองนั่นแหละ” หยุดนิดหนึ่ง “ถ้าเขาไม่ไปที่นั่น”
“นั่นซีครับ ได้ทราบข่าวผมยังแปลกใจ คุณธานินทร์ไปทำอะไรแถวนั้น” แขกสงสัย
“ก็เรื่องงานนั่นแหละค่ะ แกไปตามงานลูกน้อง คุณธานินทร์น่ะ แกทำงานหนัก ไม่คิดถึงอะไรอย่างอื่น นอกจากงาน”
ชนกนันท์ฟังอยู่เหลือบมองแม่ เห็นแม่ร้องไห้ฟูมฟายมาก และอดแปลกใจไม่ได้ที่แม่โกหกได้เนียนขนาดนั้น

อีกมุมหนึ่ง ชนะศึกยืนคุยกับศักดา สองคนมองไปทางอังคณา
“น่าสงสารคุณอังคณานะครับที่ต้องคอยตอบคำถามทุกคนว่า...คุณท่านไปทำอะไรที่นั่น”
“ก็ไม่รู้จะไปปิดบังเขาทำไม น่าจะบอกไปเลยว่าพ่อไปหาลูกเมียเก่า” ชนะศึกประชด
“คุณอังคณาก็คงจะอายน่ะครับ” ศักดาว่า
“ทำไมต้องอาย ก็มันจริง ถ้าคุณพ่อไม่ไปที่นั่น ทุกวันนี้คุณพ่อก็ยังอยู่กับฉัน”

เวลาเดียวกันที่นอกศาลา พรรณี พิณทอง และเพชรแท้ เดินเข้ามา ศักดามองเห็นก่อนเดินพุ่งเข้าไปต้อนรับ ชนะศึกเมินมองและเดินหนีไปทางอื่น
ศักดาเข้าไปไหว้ทักทาย “สวัสดีครับคุณพรรณี”
พรรณีรับไหว้ พิณทองไหว้ศักดานอบน้อม
“สวัสดีค่ะ”
เพชรแท้มองเข้าไปในศาลา รู้สึกเศร้า ศักดาตามสีหน้าเป็นกังวล “เชิญข้างในครับ”
ทันใดนั้น อังคณา ก็เดินออกมาหพร้อมกับชนกนันท์ อังคณาแหวใส่
“พวกแกมาทำไม”
แขกเหรื่อในงานทุกคนหันมามองที่อังคณากับกลุ่มของพรรณี งงกันไปเป็นแถบ
“ฉันจะมาไหว้ศพคุณธานินทร์” พรรณีบอกเสียงเรียบ
“ฉันไม่ให้แกไหว้ กลับไปซะ” ชนกนันท์แว้ดขึ้น
“ฉันขอร้องเถอะ” พรรณีพูดด้วยดีๆ
“พวกแกเป็นต้นเหตุทำให้พ่อฉันต้องตาย ยังจะหน้าด้านมาที่นี่อีกเหรอ” ชนกนันท์ด่า
“เราไม่ได้ทำนะคะ”
ชนกนันท์สวนออกมาไม่ไว้หน้า “ทำไมจะไม่ได้ทำ พ่อฉันต้องตาย เพราะไปหาพวกที่บ้าน” แล้วหันมาทางเพชรแท้ “แกพาพ่อฉันไปตาย”
เพชรแท้ก้มหน้านิ่ง ไม่ต่อคำ ชนกนันท์ปราดเข้าไปตบหน้าสุดแรง แต่เพชรแท้ก็ไม่โต้ตอบอะไร
“ไม่ว่าคุณจะคิดยังไง แต่เพชรเป็นลูกชายของคุณธานินทร์ ลูกควรจะได้ไหว้พ่อของเขา” พรรณีบอก
“เลิกพูดได้เลย เรื่องพ่อลูกเนี่ย แกเอาอะไรมาพิสูจน์ ถ้ายังไม่มีหลักฐาน ฉันไม่ถือว่าพวกแกเกี่ยวข้องอะไรกับเขา ออกไปให้พ้นจากที่นี่ได้แล้ว” อังคณาไล่ตะเพิด
“คุณคะ ขอร้องเถอะ”
อังคณาขึ้นเสียง “ไม่” เข้ามาผลักพรรณีทันที “ออกไป”
พรรณีซวนเซล้มลงไป เพชรแท้ และพิณทองตกใจรีบเข้ามาประคองแม่
“แม่”
ชนกนันท์ด่าทอต่อว่าเพชรแท้ “ไอ้เลว แกฆ่าพ่อฉันแล้ว คิดจะมาขออโหสิกรรมจากเขาใช่ไหม” สาวขาวีนระงับอารมณ์ไม่อยู่ตบหน้าเพชรแท้ฉาดใหญ่ “ไม่มีทางหรอก อย่างแกมันต้องตกนรกหมกไหม้” ตบหน้าอีกฉาด และอาละวาดทุบตีเพชรแท้ไม่ยอมหยุด จนพรรณีต้องเข้าไปห้าม จังหวะนั้นเสียงชนะศึกดังขึ้น
“คุณแม่ครับ...ปล่อยเข้าไปเถอะครับ”
ทุกคนหันไปมอง ชนะศึกเดินเข้ามา
อังคณาไม่ยอม “ชนะ ไม่ได้นะ”
“เขามีสิทธิ์จะไหว้พ่อของเขา” ชนะศึกบอก
พิณทองมองจ้องหน้าชนะศึก สองคนสบตากันนิดหนึ่ง ยังมีแววตาโกรธเคือง และน้อยใจกันและกัน ชนะศึกเมิน มองไปทางอื่น
พรรณีพยักหน้าให้เพชรแท้เข้าไปไหว้ศพ เพชรแท้นิ่งไปนิด แล้วเดินเข้าไปในศาลา

ครู่ต่อมา เพชรแท้ยืนร้องไห้อยู่ที่หน้าโลงศพธานินทร์ จนพรรณีต้องเรียกบอกให้ไหว้ ทั้งสามคนนั่งคุกเข่า พิณทองหยิบธูปมา 3 ดอก จุดแล้วส่งให้แม่กับพี่ เพชรแท้พนมมืออยู่หน้าโลง จดสายตามองไปที่รูปธานินทร์ไม่วางตา เพชรแท้ร้องไห้ครวญคร่ำไม่หยุด
“ในชีวิตของผม ผมไม่เคยคิดเลยว่า ผมจะได้มากราบศพ คนที่ผมเรียกว่าพ่อถึงสองครั้ง ผมคงเป็นคนบุญน้อย ที่ไม่มีโอกาสทดแทนบุญคุณอันยิ่งใหญ่ที่พ่อมีให้กับผม...พ่อครับ ถ้าพ่อได้ยิน ผมอยากให้พ่อรู้ว่าผมดีใจที่ได้เจอพ่อ ได้กอดพ่อ แม้ว่าจะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม ...ผมรักพ่อนะครับ”
เพชรแท้มองรูปธานินทร์สีหน้าเศร้าโศก พิณทองรับธูปมาปักลงที่กระถาง
เพชรแท้กราบเคารพศพพ่อแล้วสะอื้นร้องไห้อยู่หน้าโลงศพอย่างน่าเวทนา
อังคณา ชนกนันท์ และชนะศึก พากันมายืนมองอยู่ข้างหลัง ชนะศึกอึ้งไปกับภาพที่เห็น แต่อังคณากับชนกนันท์ไม่พอใจ เพชรแท้ลุกออกมาจากหน้าโลงศพ เช็ดน้ำตา
ชนะศึกพูดกับเพชรแท้ “รู้ไหม ทำไมฉันถึงยอมให้แกไหว้พ่อ
เพชรแท้มองหน้าชนะศึกนิ่งไม่พูดไม่จา ก่อนที่ชนะศึกจะพูดใส่หน้า
“ฉันอยากเห็นว่าไอ้คนที่ทำให้พ่อต้องตาย มันรู้สึกยังไง เวลาที่มันอยู่ต่อหน้าเขา”
เพชรแท้นิ่งไปอีก ด้วยรู้สึกว่าตัวเองก็มีส่วนทำให้ธานินทร์ต้องตายจริงๆ

ขณะเดียวกันที่ด้านนอกศาลาสวดพระอภิธรรมศพ รถตำรวจคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอด นายตำรวจคนหนึ่งลงจากรถ พร้อมกับเรืองโรจน์ และตำรวจชั้นประทวนลูกน้องอีกคน ทั้งหมดเดินเข้ามาในศาลา
ตำรวจกับเรืองโรจน์เดินตรงเข้ามาหาอังคณา
“คุณอังคณาครับ”
อังคณาหันมาทางตำรวจ ชะงักนิดหนึ่ง “คะ”
“ผมต้องขอโทษอย่างสูงครับ เราจำเป็นต้องขอนำศพของคุณ ธานินทร์กลับไปชันสูตรอีกครั้ง” นายตำรวจบอก
ชนะศึกงวยงง “ทำไมล่ะครับ”
“เราพบหลักฐานบางอย่างเพิ่มเติมครับ จำเป็นต้องชันสูตรศพอีกครั้ง เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่แน่ชัด” นายตำรวจคนเดิมว่า
“ข้อสรุปอะไรครับ” ชนะศึกซักทันที
“คุณธานินทร์อาจไม่ได้เสียชีวิต เพราะเหตุเพลิงไหม้ แต่อาจจะเป็นการฆาตกรรม”

ทุกคนตกตะลึง ชนะศึกมองหน้าเพชรแท้อย่างสงสัย
อีก 2-3 วัน ต่อมา ช่วงตอนกลางวัน ตรงบริเวณหน้าห้องพนักงานสอบสวนที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ชนะศึก และชนกนันท์นั่งรอผลชันสูตรศพธานินทร์อย่างกระวนกระวาย ต่างจากอังคณาที่สงบนิ่งและดูเยือกเย็นมาก

“แปลกจริงๆ คุณพ่อเสียชีวิตเพราะไฟไหม้ ทำไมมันกลายเป็นฆาตกรรมไปได้...ถ้ามันจริงก็แปลว่ามีใครตั้งใจฆ่าพ่องั้นเหรอคะ” ชนกนันท์ตั้งข้อสังเกต
“พี่ก็งงเหมือนกัน ความจริงคุณพ่อก็ไม่เคยมีเรื่องมีราวกับใครที่ไหน” ชนะศึกครุ่นคิด ในใจคิดว่าเป็นเพชรแท้ “จะเป็นใครได้ นอกจาก...”
พนักงานสอบสวนออกมาพอดี สามคนลุกขึ้น
“เราได้ผลการชันสูตรออกมาแล้วครับ”
อังคณาถามทันที “ว่าไงคะ สามีดิฉันเสียชีวิตเพราะอะไร”
“เราพบกระสุนปืนในร่างของเขาครับ” พนักงานสอบสวนบอก
ชนะศึกอึ้ง “อะไรนะ กระสุนปืนเหรอ คุณหมายความว่ายังไง”
“คุณธานินทร์ถูกยิงครับ หน่วยพิสูจน์หลักฐานพบปลอกกระสุน และปืนตกอยู่ในที่เกิดเหตุ เลยนำศพกลับมาชันสูตรใหม่ ผลปรากฏว่าคุณธานินทร์เสียชีวิต เพราะบาดแผลจากกระสุนปืน ก่อนที่จะถูกไฟไหม้” พนักงานสอบสวนย้ำ
อังคณาถามนำทันที “เท่ากับเขาถูกยิงตาย แล้วรู้ไหมคะ ว่าใครเป็นคนยิงเขา”
“เราตรวจพบลายนิ้วมือบนปืนครับ ฝ่ายพิสูจน์หลักฐานกำลังตรวจสอบอยู่ว่าเป็นลายนิ้วมือของใคร”
ชนะศึกอึ้งไปชั่วขณะ แล้วความโกรธแค้นก็เข้ามาแทนที่

เช้าวันใหม่ พรรณีกำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในบ้านด้วยสีหน้าฉงน
“ฆาตกรรมเหรอ เป็นไปได้ยังไง”
เพชรแท้เดินเข้ามาได้ยิน จึงขอหนังสือพิมพ์จากพรรณีมาอ่าน
“ไหนแม่”
พรรณีส่งหนังสือพิมพ์ให้ เพชรแท้เอาไปอ่าน พิณทองกำลังทำงานบ้านอยู่ ชะเง้อถาม
“เขาบอกหรือเปล่าว่าใครยิง”
“เขาว่ารู้ตัวแล้วแต่ยังไม่เปิดเผย” เพชรแท้บอก
“แม่ไม่อยากเชื่อเลย คุณธานินทร์ถูกยิง” พรรณีคิดไปคิดมา “ไฟกำลังไหม้อยู่อย่างนั้น มันไปยิงกันตอนไหน”
เพชรแท้ลดหนังสือพิมพ์ลง “แสดงว่ามันคิดจะทำตั้งแต่ต้นไงแม่ มันหลอกพ่อให้พอหาเพชรที่นั่น แล้วก็เผาบ้าน ฉวยโอกาสช่วงที่กำลังวุ่นวาย มันก็แอบยิงพ่อ”
พรรณีสงสัยหนัก “ใครล่ะลูก ใครทำ...แล้วเขาจะทำทำไม”
สามแม่ลูกไม่รู้ว่ายามนี้ที่ซอยหน้าบ้าน มีรถตำรวจแล่นมาจอดตรงหน้าบ้าน ตามมาด้วยรถของชนะศึก ตำรวจ 2-3 คน ลงจากรถ ชนะศึกลงตามมาติดๆ ทั้งหมดตรงไปที่บ้านพรรณี พิณทองมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นก็ตกใจ
“แม่มีตำรวจมาเต็มเลย”
ทั้งสามคนออกมาหน้าบ้าน ตำรวจเดินตรงเข้ามาหาเพชรแท้
พรรณีงง “มีเรื่องอะไรกันเหรอคะ”
ตำรวจแจ้งข้อหาเพื่อขอจับกุมตัว “นายเพชรแท้ เราขอจับคุณในข้อหาฆาตกรรม นายธานินทร์ เลิศชัยวัฒน์”
“อะไรกัน จะบ้าเหรอ ผมไม่ได้ทำอะไรพ่อเขา” เพชรแท้โวยลั่น
ตำรวจอีกคนเข้ามาช่วยจับตัวเพชรแท้ให้หันหลังเพื่อให้ตำรวจอีกคนใส่กุญแจมือ
พรรณีตกใจร้องห้าม “หยุดนะ คุณมาจับลูกชายฉันเรื่องอะไร”
“ลูกชายคุณถูกกล่าวหาว่ายิงนายธานินทร์ เลิศชัยวัฒน์ตาย เราพบปลอกกระสุน และปืนที่มีลายนิ้วมือของเขา ตำรวจสันนิษฐานว่า ลูกชายคุณยิงคนตาย แล้วทำไฟไหม้เพื่ออำพรางคดี”
ตำรวจจับเพชรแท้ใส่กุญแจมือ
“คุณมีสิทธิ์จะไม่พูด คำพูดของคุณอาจถูกนำไปใช้ให้การในศาล...”
ตำรวจคุมตัวเพชรแท้ที่อึ้งๆ ไปหน้าบ้าน ชนะศึกยืนรออยู่ ทั้งสองมองหน้ากัน ต่างคนต่างแค้น
“แกคิดว่าฉันฆ่าพ่อยังงั้นเหรอ” เพชรแท้ถามใส่หน้า
ชนะศึกบอกเรียบๆ “ใครทำ มันต้องรับกรรมไป”
พรรณีตามมารีบบอก “เพชรไม่ได้ทำอะไรคุณธานินทร์นะคะ เพชรเป็นลูกนะ เพชรจะฆ่าพ่อได้ยังไง”
“ได้ซีครับ” ชนะศึกมองจ้องหน้าเพชรแท้อย่างแค้นเคือง “เพราะเขารู้ว่าทันทีที่พ่อผมตาย เขาจะได้รับมรดกมหาศาลจากพ่อตามพินัยกรรม เสียแรงพ่อฉันดีกับแก แต่แล้วแกกลับเนรคุณเขา ทรยศเขา...”
เพชรแท้สวนคำ “ฉันไม่ได้ทำ”
ชนะศึกตอกกลับ “แกไปพูดในศาลเถอะ...ถ้าความยุติธรรมมีจริง แกจะต้องชดใช้ในสิ่งที่แกทำ”
ตำรวจพาตัวเพชรออกไปจากบ้าน ชนะศึกตามออกไป
ทุกคนตกตะลึง พรรณีตามเพชรแท้ไป
ชนะศึกและพิณทองมองหน้ากันต่างคนต่างแค้นใจ แล้วพิณทองก็เดินตามพรรณีไป ส่วนเพชรแท้ถูกพาขึ้นไปบนรถกระบะของตำรวจ โดยมีตำรวจสองคนคุมตัวอยู่
พรรณีกับพิณทองวิ่งตามมา ขณะที่รถตำรวจก็แล่นออกไป สองแม่ลูกร้องไห้กอดกันกลม มองรถที่แล่นห่างออกไปทุกทีหัวใจแทบสลาย
ชนะศึกเดินมามองสองแม่ลูก แวบหนึ่งนั้นรู้สึกสงสาร แต่ต้องตัดใจขึ้นรถแล้วขับตามรถตำรวจออกไป

ไม่นานต่อมาภายในห้องสอบสวนสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่เริ่มการสอบสวน พยานและผู้มีส่วนร่วมในคดี ทยอยเข้ามาให้ปากคำ เริ่มจากทนายจรัลกำลังให้การตำรวจเป็นคนแรก
“ใช่ครับ ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ท่านสั่งให้ผมทำพินัยกรรมให้ท่าน”
“ในพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้ใครบ้างครับ”
“ท่านยกทรัพย์สินส่วนตัวของท่านให้คน ๆ เดียวเลยครับ...นายเพชรแท้”

ชนกนันท์ให้ปากคำเป็นคนต่อมา ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อเพชรแท้แน่นอน
“นายเพชรแท้เขาโกรธแค้นพ่อมาตั้งนานแล้ว เขาเคยมาอาละวาดที่หน้าบ้าน ทำร้ายพ่อด้วย”
“ทำไมเขาต้องแค้นพ่อคุณ”
“ก็พ่อทิ้งแม่เขามาแต่งงานกับแม่ดิฉันน่ะซีคะ เขาเก็บความแค้นมาตั้งหลายปี”

ชนกนันท์บอกอย่างมาดมั่น
การให้ปากคำของอังคณายิ่งมัดตัวเพชรแท้

“เขาไม่เคยบอกฉันหรอกว่าเขาเคยมีลูกมีเมียมาก่อน เขาเองก็เพิ่งมารู้ตอนหลังนี่เอง แม่ของนายเพชรแท้มาเปิดเผยตัวให้เขารู้ แล้วก็บอกว่าเพชรแท้เป็นลูกของเขา คงจะเรียกร้องให้เขาแบ่งมรดกให้ เขาเลยทำพินัยกรรมยกมรดกให้นายเพชรแท้”

มาถึงการให้ปากคำของชนะศึกก็ยิ่งเพิ่มน้ำหนัก
“ขนาดพ่อจะยกสมบัติให้เขา เขาก็ยังเกลียดพ่อผม ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ทั้งๆ ที่พ่อผมก็ดีกับเขามาตลอด”
“รู้ได้ยังไงว่าเขาเกลียดพ่อคุณ”
“เขาพูดคำนี้ออกมาทั้งครั้งที่ผมเอ่ยถึงพ่อ เขาไม่ยอมไปเยี่ยมพ่อผมที่โรงพยาบาล ทั้งๆ ที่พ่อผมใกล้จะตาย ไม่ใช่แค่นั้นนะครับ เขายังเคยพูดด้วยว่าอยากให้พ่อผมตายเร็วๆ”
“ทำไม”
คำให้การการของชนะศึกต่อคำถามนี้ตรงกับการให้ปากคำของชนกนันท์

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 11 วันที่ 17 พ.ย. 55

เค้าโครงเรื่อง : ทีมเอ็กแซ็กท์
บทโทรทัศน์ : กษิดินทร์ แสงวงษ์ , ศิริลักษณ์ ศรีสุคนธ์
กำกับการแสดง : นิพนธ์ ผิวเณร
อำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร, ถกลเกียรติ วีรวรรณ
แนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ออกอากาศ : จันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 5
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่มตอนแรกอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ที่มา manager.co.th